แค่จูบก็ติดเอดส์!!! เอดส์ลูกผสม มาใหม่… เชื้อแรงกว่าเดิม แค่จูบ!!! ก็ติดได้ ล่าสุดพบหญิงไทยติดเชื้อนี้แล้ว…

หลังจากหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ต่างลงข่าว “พบหญิงไทยติดเชื้อเอดส์ลูกผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ครั้งแรกของโลก” ข่าวคราวแพร่ออกไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานว่ามีการแพร่ระบาดแพร่หลายก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า “เอดส์” ก็ถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวและอันตรายอย่างยิ่ง ที่เปลี่ยนชีวิตทุกคนไปเลย


ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาเชื้อเอดส์หรือ HIV ที่ระบาดในประเทศไทย มีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป ที่เหลือเป็นสายพันธุ์บี


ล่าสุดพบสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ก็เป็นได้ เป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) กับรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)


เรื่องที่น่ากลัว คือ เชื้อเอดส์ลูกผสมนี้ จะมีจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งที่มีความเข้มข้นมากกว่าสายพันธุ์ไทย เช่น ในน้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทย 1 ซีซี จะมีจำนวนเชื้อไวรัสเอดส์ 10 ตัว ขณะที่น้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมอาจจะมีเชื้อไวรัสเอดส์ 20 ตัว เป็นต้น ตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงการสมมติให้เห็นภาพเท่านั้น ..แม้แต่พฤติกรรมธรรดา แค่จูบ ยังสามรถนำไปติดเอดส์ชนิดใหม่นี้ได้ เพราะปริมาณเชื้อโรคที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง


แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปริมาณเชื้อไวรัสจะเข้มข้นต่างกันกี่เท่า ต้องใช้เวลาศึกษารายละเอียดต่อไป เมื่อมีเชื้อไวรัสเข้มข้นจำนวนมาก ก็ยิ่งจะทำให้การแพร่ระบาดเชื้อนั้นเป็นไปได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้น


แนวทางแก้ไข


มีผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ยาต้านไวรัสที่ผู้ป่วยเอดส์รับประทานในปัจจุบันนั้น สามารถใช้ได้ผลกับเชื้อเอดส์ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ แต่อาจมีความเสี่ยงจากภาวะดื้อยาได้ง่าย รวมถึงความเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาส อาจรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์มีความเข้มข้นในน้ำเมือกหรือสารคัดหลั่งมาก อาจนำไปในสู่การระบาดของเชื้อเอดส์ระลอกใหม่ได้


ข้อมูลของสำนักระบาดวิทยาประมาณร้อยละ 84 ของผู้ป่วยเอดส์ ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง ทั้งช่องทางธรรมชาติ หรือไม่ธรรมชาติ ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น เช่น การมีแผลเปิด


นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อได้จากทางเลือด การใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ฉีดยาเสพติด รวมถึงการรับเลือดในขณะผ่าตัด หรือเพื่อรักษาโรคเลือดบางชนิดก็สามารถติดได้ ส่วนแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ หากตั้งครรภ์และไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เชื้อ HIV จะแพร่ไปยังลูกได้ ในอัตราร้อยละ 30


ตอนนี้แนวทางป้องกันที่ดีที่สุดคงจะเป็นการ สวมถุงยางอนามัย และการดูแลเอาใจใส่สุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมทั้งไม่อยู่ที่สถานที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จากผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่สามีภรรยา 


นอกจากจะห่างโรคเอดส์แล้ว ยังทำให้ครอบครัวอบอุ่นด้วยครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก Siamupdate  และ doinews