เทคนิคการขับรถลุยน้ำแบบมือโปร ไม่ดับกลางทางแน่นอน


สำหรับ ปัญหาน้ำท่วมขัง ระบายไม่ทัน ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่อยู่คู่เมืองไทยมาโดยตลอด เพราะเมื่อเข้าหน้าฝนทีไร ฝนตกหนัก ๆ น้ำต้องท่วมทุกที เดือดร้อนกันไปถ้วนหน้า โดยเฉพาะกับคนใช้รถใช้ถนนที่ต้องขับรถฝ่าน้ำท่วม ไม่ว่าจะไปทำงานหรือขับกลับบ้าน เรียกได้ว่าแต่ละคนจิตตกไปตาม ๆ กัน นอกจากรถจะติดอย่างหนัก ต้องติดอยู่บนถนนวันละหลายชั่วโมงแล้ว ยังเสี่ยงที่จะเกิดเครื่องยนต์ดับระหว่างการเดินทางเสียอีก วันนี้เราเลยมีคำแนะนำดี ๆ มาฝากคนรักรถกันกับ เทคนิคการขับรถลุยน้ำแบบมือโปร ไม่ดับกลางทางแน่นอน


ดูความลึกของระดับให้ดีก่อน
แน่นอนว่าเมื่อเราขับรถของเรา ไปถึงจุดที่น้ำท่วมขัง เพราะฝนตกหนัก สิ่งแรกที่เราต้องประเมิน คือ ความลึกของระดับน้ำที่ท่วมขังนั่นเอง โดยหลักทั่ว ๆ ไปแล้วระดับความสูงของน้ำที่ปลอดภัยต่อรถก็คือ ควรสูงไม่เกิน 30 เซนติเมตร ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากฟุตบาทข้างทาง ที่มีความสูงอยู่ประมาณ 10-20 เซนติเมตร จากนั้นต้องประเมินรถที่เราขับด้วยว่าเป็นรถประเภทไหน เช่น รถยนต์ รถกระบะ หรือรถ SUV โดยดูจากล้อรถของเราก็ได้ หากน้ำท่วมประมาณครึ่งล้อ แสดงว่ายังพอลุยไปข้างหน้าได้


เลือกเลนที่ระดับน้ำต่ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตัดสินใจจะขับลุยน้ำ หรือสถานการณ์บังคับก็ตาม สิ่งที่ควรทำต่อมาก็คือ ให้เลือกขับอยู่ในเลนที่พอจะประเมินได้ว่า มีน้ำระดับต่ำที่สุด จากนั้นค่อย ๆ ขับเดินหน้าช้า ๆ อย่างใจเย็นไม่ต้องเร่ง เว้นระยะห่างจากคันอื่นพอสมควร เพื่อจะได้ไม่ต้องเหยียบเบรกบ่อย ๆ เพราะการใช้เบรกในขณะวิ่งลุยน้ำ ประสิทธิภาพเบรกจะไม่ดีเท่าที่ควร และการเว้นระยะขับช้า ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงน้ำเข้าเครื่องยนต์ได้ดีกว่า


ต้องใช้เกียร์ต่ำเสมอ
นอกจากการขับช้าแล้ว ใช้ความเร็วต่ำที่สุดและเหยียบคันเร่งให้มีความสม่ำเสมอ โดยให้รอบเครื่องยนต์อยู่ประมาณ 1,500-2,000 รอบ ถือว่ากำลังดี และอีกเรื่องที่สำคัญในการขับรถลุยน้ำท่วมก็คือ ควรใช้เกียร์ต่ำเพื่อช่วยไม่ให้เครื่องยนต์ดับ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา ควรใช้เกียร์ 1 หรือ 2 หากเป็นรถเกียร์ออโต้ให้ใช้เกียร์ L


ปิดแอร์รถยนต์เมื่อต้องลุยน้ำ
อีกสาเหตุที่เวลาต้องขับรถลุยน้ำแล้วทำให้เครื่องยนต์ดับง่าย ก็เพราะหลาย ๆ คน เวลาขับรถลุยน้ำท่วมมักจะไม่ปิดแอร์ เพราะการขับรถลุยน้ำนั้น น้ำจะพัดเข้ากระจังด้านหน้ารถ เมื่อน้ำเข้ากระจัง พัดลมจะเป็นตัวช่วยตีน้ำให้กระจายเข้าห้องเครื่อง ได้มากกว่าปกติ ซึ่งอาจจะไปโดนระบบไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์ดับเอาได้ง่าย ๆ นั่นเอง


ถึงจุดหมาย อย่ารีบดับเครื่องยนต์ทันที
ในกรณีที่เราขับรถฝ่าจุดที่น้ำท่วมออกมาได้ หรือกลับมาถึงบ้านแล้ว สิ่งที่ควรต้องระวังคือไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที ให้จอดติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้สักพัก เพื่อไล่น้ำและความชื้นที่ตกค้างอยู่ตามเครื่องยนต์และท่อไอเสีย ให้ระเหยออกให้หมดเสียก่อน ระหว่างนั้นควรเหยียบเบรกย้ำ ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก หากเป็นรถเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัตช์ย้ำ ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากระบบ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ เทคนิคการขับรถลุยน้ำแบบมือโปร ที่เรานำมาฝากกัน รับรองเลยว่าหากทำตามคำแนะนำ ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างมีสติใจเย็น ๆ รถของเราจะไม่ดับอย่างแน่นอน แต่หากโชคร้ายเกิดเครื่องยนต์ดับ แนะนำว่าไม่ควรสตาร์ทเครื่องใหม่ เพราะเครื่องยนต์อาจเกิดความเสียหายได้ ให้พยายามเข็นรถออกไปยังพื้นที่สูง หรือตามรถยกหรือรถลากมาช่วยจะเป็นการดีที่สุด