Remote Jamming การโจรกรรมรถโดยดักสัญญาณจากรีโมท

นิตยสาร รถ Weekly

       Remote Jamming อาจดูเหมือนเป็นเรื่องราวใหม่ในสังคมวันนี้ที่เริ่มตระหนักมากขึ้นในสังคมชั่วข้ามคืน จากการนำเสนอของรายการทีวีทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการยานยนต์ หากแต่เมื่อเทคโนโลยีที่ถูกคนผู้ไม่ประสงค์ดีนำไปใช้ ก็เลยกลายเป็นดาบสองคม ที่ชวนให้ต้องระแวดระวังกัน


 


Remote Jamming


       การทำงานของ Remote Jamming หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็ คือ การสกัดกั้นสัญญาณวิทยุที่ส่งออกมาจากรีโมทไม่ให้ไปถึงตัวรับสัญญาณของมันที่อยู่ในรถ โดยการสกัดกั้นนั้นจำเป็นต้องใช้ขั้นตอนที่ซับซ้อนทางกระบวนการเทคนิค ซึ่งจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้นราคาไม่กี่ร้อย แต่ที่แน่ๆ คือ คนที่จะทำได้ต้องมีความรู้ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและคลื่นความถี่ โดยตรวจจับดักสัญญาณคลื่นความถี่ และพร้อมกันนั้นอาจจะต้องเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของผู้ที่ใช้สัญญาณเอย่างใกล้ชิด นั่นหมายถึงพวกเขาต้องอยู่ในระยะที่ใกล้ๆ นั่นเองและในปัจจุบันการดักสัญญาณจะมี  2 รูปแบบที่สำคัญ ได้แก่


       1.สกัดสัญญาณ การสกัดสัญญาณไม่ให้ส่งไปที่รถ เป็นวิธีการที่ทำให้แม้คุณจะกดรีโมทไปแล้ว และคิดว่ารถตอบรับคำสั่งให้ล็อกประตูทุกบานกับระบบเซ็นทรัลล็อกเหมือนที่เคยทำ แต่อันที่จริงมันไม่ได้ล็อกเพราะสัญญาณที่ส่งออกไปถูกสกัดกั้น และโจรร้ายก็สามารถที่จะเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของคุณ คล้ายที่ในรายการ นาทีฉุกเฉินนำเสนอให้เราได้เห็นภาพกันไปแล้ว


       2.สกัดและคัดลอกปลอมแปลงสัญญาณ การสกัดแบบที่สองนี้สูงกว่าขั้นแรกแต่ไม่ใช่ว่า เป็นไปไม่ได้ และมันอันตราย และพบมากในต่างประเทศ สิ่งที่แตกต่างคือทุกอย่างที่คุณใช้จะมีความปกติทั่วไป รถของคุณจะตอบรับปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งที่คนมักจะลืม คือสัญญาณที่ส่งออกไปสามารถดักจับได้ด้วยเครื่องมือพิเศษ มันไม่ได้มีระบบป้องกันความปลอดภัยของตัวสัญญาณ ทำให้สามารถดักจับคลื่นความถี่ได้ถ้าสามารถถอดรหัสสัญญาณคื่นความถี่วิทยุได้และก็สามารถคัดลอกไปใช้ได้เช่นกัน

       สิ่งที่เราพูดเกี่ยวกับ Remote Jamming ฟังแล้วดูน่ากลัวมาก และบ้านเรายังอาจจะเป็นเรื่องที่ใหม่มาก แต่ในต่างประเทศนี่ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่อะไรนัก และวันนี้เราป้องกันภัยร้ายนี้ก่อนสายเกินแก้ตามคำแนะนำง่ายๆ


       1. ระวังตัวในลานจอดรถ ลานจอดรถคือเป้าหมายทีสำคัญของโจรประเภทนี้ พวกเขาชอบเสามากพวกมันสามารถทำให้สามารถแอบซ่อนได้ในระยะที่พวกเขาสามารถสกัดสัญญาณ ดังนั้นคุณต้องเริ่มจากการระวังตัวในลานจอดรถให้ดี พยายามมองตามเสาเนืองๆ หลังจากที่กดรีโมท


       2. จอดในที่พลุกพล่าน ที่พลุกพล่านหรือมีคนผ่านบ่อย จะเป็นที่ปลอดภัยต่อภยันตรายทุกประเภท ฮวงจุ้ยดีที่สุด ในสามโลกของการจอดรถเลยก็ว่าได้ ที่จริงแล้ว นั่นเพราะ คนร้ายประเภทนี้จะมาจัดการรถคุณหลังจากที่คุณไปแล้ว ซึ่งถ้ารถจอดในที่พลุกพล่าน สำหรับโจรแล้ว มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงลงมือ 


       3. สังเกตคนมีพิรุธ บางทีการสังเกตช่วยคุณได้มาก คนบางคนอาจจะอยู่ในที่ซึ่งไม่จำเป็น อย่างที่เราบอกว่า Remote Jamming ต้องอยู่ในระยะใกล้พอที่จะดักสัญญาณได้ ซึ่งหมายถึงเขาต้องอยู่แถวๆนั้นอย่างแน่นอน ลองสังเกตคนที่ถืออุปกรณ์บางอย่าง บ้าง อาจจะมีเสาวิทยุ บ้างอาจจะคล้ายๆ เครื่องปาล์ม แล้วป้วเปี่ยนไปมา หรือลองใช้ความรู้สึกดูว่ามีคนจับจ้องเราทำกิจกรรมหรือไม่ ถ้าใช่อย่าวางใจโดยเด็ดขาด แจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยตรวจสอบดูหน่อยก็ดี


       4. เช็คซ้ำ หลายคนวางใจเทคโนโลยีมากเกินไปจนลืมคิดถึงภัยที่ตามมา ความจริง การป้องกันที่ดีเริ่มที่เราเองด้วยการเช็ครถซ้ำว่าล็อกหรือไม่ ประการใด จะช่วยป้องกันได้มากที่สุด ในกรณีนี้ รวมถึงอาจจะเดินกลับมาที่รถบ้างถ้ามีโอกาส หรือร้ายสุดในกรณีที่เราพบว่ารีโมทไม่ทำงาน ซึ่งอาจจะเพราะโดนโจรร้ายหรือ แบตเตอร์รี่อ่อน ให้คุณใช้วิธีเบสิคที่สุด คือการล็อกด้วยกุญแจ จะสามารถป้องกันได้ เพราะโดยส่วนใหญ่ระบบเซ็นทรัลล็อกทำงานแยกส่วนกับระบบรีโมทสั่งการ


       5. ของมีค่าโปรดอย่างวางไว้ในห้องโดยสาร หลักการของการทำงานโจรรีโมทนี้ ส่วนใหญ่พวกเขาต้องการของมีค่ามากกว่าที่จะขโมยรถ ซึ่งส่วนใหญ่ตามความเข้าใจของทุกคน มักจะชอบทิ้งของไว้ในรถเสมอ ดังนั้นแม้บางทีเราอาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกล่อลูกชนโจรนั้นมีเยอะกว่าที่คิด จนแม้จะทำตามที่เราพูดก็อาจจะพลาดพลั้ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือคุณไม่ทิ้งอะไรไว้ให้พวกเขาสามารถเก็บเป็นของที่ระลึกกลับบ้าน นั่นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในการป้องกันตัวเอง


       ถ้าสังเกตให้ดี เราจะพบว่า Remote Jamming ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ นอกจากการใช้ความรู้ทางเทคนิคเข้ามาผสานในการโจรกรรม ซึ่งด้วยเทคโนโลยีที่เราวางใจทำให้มันดูน่าตกใจเมื่อพบว่ารีโมทที่วางใจไม่สามารถวางใจได้ แต่สิ่งที่เราสามารถวางใจได้มากที่สุดคือตัวเราเอง ที่ต้องรอบคอบก่อนที่เราจะมั่นใจและเดินจากรถสุดที่รักไป