เหล่าบรรดาผู้หญิงในยุคปัจจุบันต้องออกไปทำงานนอกบ้านหลาย ๆ คนต้องขับรถไปทำงานเอง หากร่างกายปรกติคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเกิดเราตั้งครรภ์อาจก่อนให้เกิดความลำบากตามมาหลาย ๆ อย่างแน่ ทั้งสรีระขณะตั้งครรภ์ที่ไม่อำนวยต่อการขับรถเท่าไรนัก การรัดเข็มขัดก็ทำได้ยาก ระยะของการนั่งต้องเลื่อนออกไปด้านหลังอีกเพื่อไม่ให้ท้องติดกับพวงมาลัยมากเกินไป วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำกันครับ
1.รู้ความเสี่ยง ไม่ว่าคุณอ่านต่อไปแล้วจะทำยังไง ในการขับรถ จำไว้ว่าการขับรถมีความเสี่ยงและเมื่อคุณมีครรภ์ความเสี่ยงก็จะตกอยู่กับลูก ของคุณด้วย มีวิจัยใมนสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่า คุณมีโอกาสแท้งลูก 3 เท่าและ เลือดตกในถึง 2 เท่ หากเกิดอุบัติเหตุในขณะขับขี่และแม้จะชนไม่แรง ก็ยังมีโอกาสแท้งลูก 5% แต่จากการศึกษาล่าสุด พบว่า ในจำนวนดังกล่านั้น มีกว่า 68% ที่ไม่ยอมคาดเข็มขัดในขณะขับขี่ และปรับท่านั่งไม่ถูกต้อง
2.ท่านั่งที่เปลี่ยนไป คุณ ต้องเข้าว่าไม่ได้ขับคนเดียว เมื่อคุณคิดและมุ่งมั่นแน่แล้วว่าจะขับรถขณะมีครรภ์ จำไว้ว่าทุกสิ่งที่ต้องปฏิบัตินั้นให้ยึดหลักว่า มีอีกคนอยู่กับเรา ที่คงต้องเริ่มตั้งแต่ท่านั่งให้ปรับถอยหลังจากเดิมห่างพวงมาลัยมาขึ้นราวๆ 10 เซนติเมตร ห้ามนั่งใกล้พวงมาลัย และปรับเบาะเอนเล็กน้อย รวมถึงปรับพวงมาลัยให้สูงขึ้น เพื่อไม่ให้แอร์แบกนั้นกระแทกเข้าท้อง เมื่อเกิดการทำงาน แต่ทั้งหมดนั้นคุรต้องให้สามารถควบคุมคันเร่งได้เหมือนเดิม
3.คาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกวิธี จงจำไว้ว่า แม้จะท้อง คุณก็ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย อย่าเอาความรู้สึกว่ามันจะอึดอัดคับพุงมาเป็นข้ออ้า งเพราะ เข็มขัดนิรภัยนี้ช่วยคุณและลูกในการไม่กระแทกกับพวงมาลัย ยามเกิดอุบัติเหตุ จริงอยู่เมื่อคุณท้องใหญ่ขึ้นจากเดิม คงจะยากที่จะคาดเข็มขัดนิรภัย แต่วิธีคาดนั้นก็ไม่ยาก ให้เว้นสามเหลี่ยมนั้นระหว่างช่วงท้อง โดยสายบนนั้นควรอยู่ช่วงราวนมและคอ ส่วนสายล่างให้ปรับไม่ให้ตึงมากและวางไว้ใต้พุง
4.ลูกไม้แก้ปวดช่วยได้ หลายคนที่ขับรถขณะตั้งครรภ์คงจะต้องเคยเจออาการปวดหลัง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายนัก การที่คุณมีน้องอยู่ที่หน้าท้อง แต่ปัญหานี้จะหมดไป ถ้าหาลูกไม้แก้ปวดมาติดตั้งไว้ที่เบาะ ซึ่งมันคืออุปกรณ์นวดหลังดีๆ และไม่มีปัญหาใดๆต่อเด็กในครรภ์
5.อย่าใช้ความเร็ว เมื่อทุกอย่างพร้อมก็จำไว้ว่าคุณต้องขับรถไม่เร็วเกินไปส่วนหนึ่งคือเพื่อ ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น อีกส่วนหนึ่งคือลดอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งการใช้ความเร็วไม่มากนัก ทำให้คุณลดความเสี่ยงการแท้งลูก แต่ยังสามารถขับรถได้อย่างปลอดภัย
ทั้ง 5 ข้อ นี้น่าจะช่วยให้คุณสามรถขับรถช่วยตัวเองได้ในเรื่องการเดินทางยามคุณมีน้อง แต่จากคำแนะนำของแพทย์เรื่องสูตินารีเวชในสหรัฐก็เปิดเผยอีกว่า เมื่อย่างเข้าสู่เดือนที่ 7 หรือ 12 สัปดาห์ก่อนคลอดนั้น ควรงดกิจกรรมขับรถเพื่อความปลอดภัย
ที่มา : www.rakcar.com