สนพ. เสนอแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี ลดรายจ่ายประเทศ 1.1 ล้านล้าน

วารสารพลังงานทางเลือก

    นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เป็นประธานในการเปิดงานสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงาน "โครงการศึกษาจัดทำแผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (พ.ศ.2554-2573)" โดยจับมือร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการดำเนินแผนดังกล่าว
   นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
              นายสุเทพ กล่าวว่า ในระยะ 20 กว่าปีที่ผ่านมา การใช้พลังงานของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นการเติบโตควบคู่กันไปกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประมาณการว่าปี 2573 หรืออีก 20 ข้างหน้า หากไม่มีมาตรการอนุรักษ์พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหรือปรับโครงการอุตสาหกรรมและระบบขนส่ง ความต้องการใช้พลังงานในกรณีปกติจะเพิ่มขึ้นเป็น 151,000 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือประมาณ 2.1 เท่าของปัจจุบัน
              "ดังนั้น กระทรวงพลังงาน ที่มีพันธกิจรับผิดชอบในเรื่องการอนุรักษ์พลังงานจึงได้มอบหมายให้ สนพ. จัดทำแผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีขึ้น และได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ เมื่อวันที่8 ก.พ. 56 ให้เป็นแผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงานของประเทศ" ผอ.สนพ. กล่าว
              แผนดังกล่าวจะครอบคลุมภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคอาคารธุรกิจและบ้านพักอาศัย และภาคขนส่ง รวมทั้งในภาคการผลิตและส่งจ่ายพลังงาน ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเป็นกรอบของการดำเนินการในช่วง 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายได้ทราบและถือปฏิบัติแบบบูรณาการในทิศทางเดียวกัน
              อันจะนำมาซึ่งความสัมฤทธิผลของการดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน และสามารถรองรับพันธกิจของกระทรวงพลังงาน และพันธกิจของประเทศไทยที่มีต่อประชาคมโลก อันจะนำไปสู่ความสัมฤทธิผลภายใต้กรอบพันธกิจของกระทรวงพลังงาน และตอบสนองต่อพันธกิจด้านอนุรักษ์พลังงานภายใต้ข้อตกลงร่วมของผู้นำประเทศในกลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ในการลดความเข้มข้นของการใช้พลังงาน สอดคล้องกับทิศทางของโลกในการลดมลภาวะอันเกิดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตและการใช้พลังงาน
              โดยคาดหมายว่า หากดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีที่กำหนด ในปี 2573 จะส่งผลให้สามารถลดการใช้พลังงานลงได้ประมาณ 38,845 ktoe ในภาคการใช้พลังงาน และในภาคการผลิตและส่งจ่ายพลังงานลดลงประมาณ 852 ktoe คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ราว 1.1 ล้านล้านบาท และคาร์บอนได ออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้ประมาณ 140 ล้านตัน
              หรือกล่าวได้ว่า ปริมาณการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3 ต่อปี จนถึงปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1.7 เท่าของปี 2553 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือคิดเป็นค่า Energy Elasticity เฉลี่ยตลอด 20 ปีข้างหน้า คือเท่ากับ 0.70 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลังของ 20 ปี ซึ่งอยู่ที่ 0.98
              นายสุเทพ ยังกล่าวอีกว่า ความสำเร็จของแผนปฏิบัติการนี้มาจากการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายทุกภาคส่วน ในการจัดทำทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่ง สนพ. ขอแสดงความขอบคุณอย่างสูงในความร่วมมือดังกล่าวมา ณ โอกาสนี้ และจะได้มีการจัดตั้งคณะทำงานโอกาสนี้ และจะได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
              รวมทั้งการปรับปรุงกรอบ แผนดำเนินการ และเป้าหมายการอนุรักษ์พลังงานใหม่ โดยเปลี่ยนมาเป็นการใช้ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของความเข้มของการใช้พลังงานจากพลังงานขั้นสุดท้ายเป็นพลังงานขั้นต้น เพื่อให้สามารถนำมาเปรียบเทียบในระดับสากลได้ และสามารถลดปริมาณการปล่อยมลภาวะจากการผลิตและการใช้พลังงานได้อย่างสมบูรณ์แบบตามแผนพัฒนาฉบับที่ 11 และมาตรฐานของสากลต่อไป