เรื่องการทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์ส่วนใหญ่คนมักจะกลัวไม่กล้าล้าง ไม่เว้นแม้แต่พี่ชายผมเอง เพราะมีอุปกรณ์ซ่อนเร้นอยู่มากมายภายในห้องเครื่องยนต์ เกรงว่าถ้ามันพังแล้วจะเสียค่าซ่อมหลายตังค์ จึง ปล่อยให้สกปรกอยู่อย่างนั้น แต่จริงๆแล้วสละเวลาวันว่างๆ ลองล้างดูด้วยตัวเองได้นะครับ เดี๋ยวผมจะแนะนำวิธีให้
ข้อดีของการล้างห้องเครื่องยนต์ด้วยตัวเอง เราจะสังเกตเห็นถึงความปกติหรือไม่ปกติของรถเราเองได้ ซึ่งบางทีอาจจะเป็นส่วนที่สามารถทำให้เราเกิดอุบัติเหตุได้ จะได้รีบแก้ไขซะก่อน คราวนี้มาเตรียม อุปกรณ์กัน อุปกรณ์ก็มีน้ำยาล้างห้องเครื่อง,น้ำมันเบนซิน,แปรงทาสี,ถุงพลาสติก,เทปพันสายไฟ,น้ำยา เคลือบเงา,เครื่องเป่าลม และสุดท้ายคือ น้ำ เตรียมเสร็จก็ทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยครับ
1. เริ่มจากถอดขั้วแบตเตอรี่ก่อน เพราะน้ำ คือ สื่อไฟฟ้า อาจจะทำให้เกิดการลัดวงจรต่อระบบไฟหัวฉีด กล่อง ECU พังได้ หรือเกิดไฟช็อตลุกติดน้ำมันผสมได้
2. หุ้มพลาสติกปลั๊กไฟ และพวกขั้วไฟฟ้าต่างๆ เช่น ปลั๊กจานจ่าย จานจ่าย คอยล์ ตัวช่วยจุดระเบิด ปลั๊กเซนเซอร์ หัวฉีดต่างๆ ที่พอจะหุ้มได้ กล่องฟิวส์ และปลั๊กไฟที่สำคัญทุกๆ จุด
3. ผสมน้ำมันกับน้ำยา หาภาชนะมาเทน้ำยาล้างเครื่องลงไปก่อน แล้วใช้น้ำมันเทผสม การเลือกใช้น้ำมันเบนซิน ในกรณีสกปรกมากๆ จุดที่จะล้างมีคราบน้ำมันเหนียว หรือเป็นคราบแข็งเป็นเวลานานๆ การ ผสมน้ำมันเบนซินมีผลในการกัดที่รุนแรงมาก ไม่ควรใช้ทากับพลาสติก จุดที่เป็นสีดำ จุดที่พ่นสีด้วยสีเสปย์ หรือพวกอลูมิเนียมเงา หรือปัดเงา จะทำให้เกิดคราบกัดขาว อัตตราส่วนผสมไม่ควรเกิน 3:1
4. ทาน้ำยาผสมล้างให้ทั่ว ใช้แปรงทาสี จุ่ม และค่อยๆ ทา ถ้าไม่ออกก็ใช้ฟองน้ำ หรือ สก็อตไบท์ บรรเลงลงไปเลยครับ นี่แหละเคล็ดลับ แต่การใช้สก็อตไบท์ ต้องระวังหน่อย อย่าขัดพวกสีรถ หรือพวกพลาสติก จะทำให้เกิดรอย ใช้ในจุดที่อยากให้ออกจริงๆ ต้องระวัง
5. ใช้น้ำล้างออก ควรใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ เช็ดน้ำยาและคราบออก ตามจุดที่ควรระวัง เช่น ฝาครอบสายหัวเทียน สายหัวเทียน ฝาครอบวาล์ว จานจ่าย ตัวช่วยจุดระเบิด กล่องฟิวส์ และจุดสำคัญเกี่ยวกับ ระบบไฟทุกๆ จุด และใช้น้ำค่อยๆเทราดไปในส่วนที่ต้องการล้าง ใช้แปรง และฟองน้ำ ควบคู่กันจนออกหมด
6. เป่าลมไล่น้ำให้แห้ง ใช้เครื่องปั้มลม หรือเครื่องดูดฝุ่น (ต่อให้เป็นแบบเป่าลมได้) หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็ใช้ไดร์เป่าผมเนี่ยหละครับ ต้องลงทุนกันบ้างแล้ว เป่าไล่น้ำตามจุดต่างๆ ออกให้หมด เน้นๆพวกปลั๊กไฟ จานจ่าย และหัวเทียน พร้อมแกะพลาสติกหุ้มออกให้หมด และเป่าลมจนน้ำแห้งสนิท
7. ใส่ขั้วแบตแล้วสตาร์ทเครื่อง เป็นการทดสอบว่ามีน้ำเข้าไปตามปลั๊กไฟหรือไม่ ถ้าเครื่องยังเดินสมบูรณ์ไม่มีปัญหา ถ้าเกิดสตาร์ทไม่ติด หรือเดินไม่นิ่ง ต้องถอดขั้วแบต และเป่าลมไล่น้ำอีกครั้ง เน้นๆ จานจ่าย คอยล์ ปลั๊กหัวเทียน และปลั๊กไฟต่างๆ ถ้าไม่แน่ใจให้ถอดมา แล้วเป่าลมให้แห้ง พ่นน้ำยากันสนิม หรือน้ำยาล้างหน้าคอนแทค ถือเป็นการทำความสะอาดขั้วไฟไปในตัว
8. เคลือบเงา หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์อุ่นสักพักจนน้ำแห้งดี รอให้เครื่องเย็นก่อนครับ แล้วใช้น้ำยาเคลือบเงา พวก Waxy มาจุ่มด้วยฟองน้ำ และทาในจุดที่ต้องการให้เงางาม ถือว่าดีที่สุด หรือใช้น้ำมันพวกครอบจักรวาล พ่นเคลือบในจุดที่แห้ง และจะเกิดสนิม ใช้น้ำมันเครื่องกับจารบี ทาหรือหยอดในจุดหมุนต่างๆ เป็นการป้องกันสนิม และหล่อลื่นไปในตัว