โครงการรถคันแรก สำหรับผมเองถือว่าเป็นโครงการที่ดี เพราะจากอัตราการคืนภาษีพอๆ กับเงินดาว์น ซึ่งคิดง่ายๆ คือ มีคนดาว์นรถให้เราฟรี เรามีหน้าที่ผ่อนอย่างเดียว แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใครจะมาจะไปแบบไม่รู้ตัว จนบ้างครั้งทำให้เราไม่สามารถที่จะผ่อนไหว ผมจึงมีทางออกที่น่าสนใจให้ลองพิจารณากันดูครับ
รถยนต์หนึ่งคันถึงแม้จะเป็นรถใหม่ป้ายแดงก็ตาม มักมีค่าใช้จ่ายตามมามากกว่าที่คิดไว้ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถ ค่าล้างรถ ค่าดูแลรักษารถ ค่าประกัน ค่าต่อทะเบียน สารพัดสารพันปัญหา ทำให้ค่าใช้จ่ายเริ่มเกินตัวจนไม่ไหวจะผ่อน ปัญหาที่ตามมา คือ นอกจากรถจะถูกยึดแล้วยังโดนสรรพสามิตฟ้องเอาภาษีคืนอีกด้วย แล้วจะบรรเทาปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดีล่ะ?
เราคงต้องลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยส่วนตัวลง อาจต้องลดปริมาณการใช้รถ อาจต้องเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า รถประจำทาง เพื่อประหยัดค่าที่จอดรถรายวัน ค่าทางด่วน ที่สำคัญช่วยลดค่าน้ำมันด้วย หรือไม่ก็ต้องหารายได้เสริมจากงานที่ทำ เช่น การทำงานล่วงเวลา หาอาชีพเสริมเพื่อให้มีรายได้มากขึ้น ถ้ายังไม่พออีกอาจต้องทำใจปล่อยเช่า เพราะปกติแล้วการปล่อยเช่าจะมีรายได้มากกว่าอัตราการผ่อน ทำให้เรามีรายได้เพิ่ม แต่คุณเองก็ต้องดูดีๆ ว่าคนที่เช่าจะเอารถเราไปเลยหรือไม่ หาบุคคลที่ไว้ใจได้หรือให้เช่าในนามบริษัทแบบรายเดือน แต่ก็คงต้องสืบประวัติดีๆ เอกสารการเช่าต้องรัดกุมนะครับ
อีกอย่าง คือ ขับรถติดโฆษณา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เจ้าของรถยังสามารถใช้รถของตัวเองได้ แต่จะมีสติ๊กเกอร์โฆษณาติดรอบคันรถ ซึ่งอาจทำให้รถของเราดูแปลกตาไป ซึ่งการใช้วิธีนี้อาจมีเงื่อนไข เช่น ต้องขับรถไป-กลับในเส้นทางเดิมและเวลาเดิมทุกวัน ในระยะทางไม่น้อยกว่า 600 กิโลเมตรต่อเดือน ต้องจอดในที่ที่มีคนพลุกพล่าน เพื่อให้สามารถเห็นสื่อโฆษณาที่ติดอยู่บนรถได้ นอกจากนี้ บริษัทจะเลือกว่าผู้ขับต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เมาไม่ขับ เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียถึงบริษัทที่โฆษณาบนตัวรถ?
สุดท้ายแล้วหากไม่พอ ควรจะเจรจากับไฟแนนซ์ยืดระยะเวลาการผ่อนให้ยาวขึ้น เพื่ออัตราผ่อนต่อเดือนน้อยลงในอัตราที่เราไหว หรือขายดาว์นให้คนอื่นไปผ่อนต่อ โดยทำสัญญาการโอนหลังจาก 5 ปีไปแล้ว แต่กรณีนี้อาจต้องเป็นคนสนิทกันจริงๆ ถึงจะยอม เลวร้ายที่สุดคงต้องหาเงินไปคืนสรรพสามิตเพื่อไม่ให้โดนฟ้อง 2 เด่ง ทั้งไฟแนนซ์และสรรพสามิต ก่อนจะจาก “ขอให้ทุกท่านโชคดีมีเงินผ่อนรถทุกเดือนนะครับ”