ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงฤดูร้อน สภาพอากาศในช่วงนี้จึงร้อนมากกว่าช่วงอื่นๆ และแดดจะแรงจัด ลมพัดแรง จึงทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นของผู้ขับขี่ไม่ดี เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงขอแนะนำวิธีการขับรถภายใต้อากาศร้อน และแดดแรงจัดให้ผู้ขับขี่สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ดังนี้

สำหรับผู้ที่ขับรถยนต์ ควรใช้ที่บังแดด สวม แว่นกันแดด และปิดกระจกรถยนต์ หากขี่รถจักรยานยนต์ ควรสวมหมวกนิรภัยเต็มใบที่มีพลาสติกปิดด้านหน้า และสวมแว่นกันแดดเพื่อช่วยกรองแสง ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนและป้อง กันฝุ่นละอองเข้าตา ในช่วงที่แสงแดดสะท้อนกับพื้นถนน ผู้ขับรถอาจเห็นภาพพื้นถนนในระยะไกลเป็นภาพลวงตา เช่น มีแอ่งน้ำ หรือน้ำเจิ่ง ดังนั้น จึงควรใส่แว่นกันแดดหรือแว่นกรองแสง เพื่อช่วยกรองความสว่างและแก้ปัญหาการมองเห็นภาพลวงตาได้ด้วย

และเมื่อขับรถท่ามกลางแสงแดดที่ส่องตา อาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและง่วงนอนได้ ง่ายกว่าปกติ หากรู้สึกง่วงให้ใช้นิ้วโป้งจิกไปที่โคนนิ้วก้อยข้างเดียวกัน จะช่วยให้ตาสว่างขึ้นได้ ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรหาที่หยุดรถในที่ปลอดภัยเช่น สถานีบริการน้ำมัน หรือที่พักข้างทาง เพื่อพักสายตาสักครู่แล้วจึงขับต่อไป

นอกจากวิธีการดังกล่าวแล้ว การติดตั้งอุปกรณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ดังนั้น จึงควรเลือกอุปกรณ์ เช่น เลือกติดฟิล์มกรองแสงตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมประจำรถที่มีคุณสมบัติช่วยลดความร้อน กรองและลดความจ้าของแสงแดด และควรเลือกใช้ฟิล์มที่ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เป็นชนิดเคลือบโลหะ ไม่ควรเลือกใช้ฟิล์มชนิดย้อมสี เพราะเนื้อฟิล์มจะเสื่อมคุณภาพกลายเป็นสีม่วง และไม่ติดฟิล์มกรองแสงที่มีสีดำหรือทึบเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อการขับรถในเวลากลางคืน

หากต้องขับรถในสถานการณ์ ฝนตก พายุลมแรง จนทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ผู้ขับขี่ควรหาที่จอดในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น สถานี บริการน้ำมัน ที่จอดรถริมทาง อย่าฝืนขับรถต่อไป เพราะอาจเกิดอันตราย แต่หากสามารถขับต่อได้ ควรเปิดไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก เพราะจะช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น และยังทำให้ผู้ขับขี่ราย อื่นสามารถสังเกตเห็นรถเราได้ดีขึ้นด้วย

หากขับรถผ่านพื้นผิวถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ หิน ลูกรัง กรวดทราย ควร ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ขับรถด้วยความ เร็วสูง โดยผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ควรจับ แฮนด์ให้แน่น หากรถตกหลุมจะได้พยุงตัวได้มั่นคง ไม่ขับรถเร็ว ส่วนผู้ขับรถยนต์ หากรถตกหลุม ควรจับพวงมาลัยให้มั่นคง พร้อมแตะเบรกอย่างเบาๆ เพื่อชะลอความเร็ว ซึ่งจะช่วยลดแรงสะบัดของตัวรถและพวงมาลัยลดลงได้.



ขอบคุณที่มา : http://variety.thaiza.com/