บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย เผยงานวิจัยโครงการ ความท้าทายของพลังงานในอนาคต หรือ Future Energy Survey มุ่งสำรวจความคิดเห็นของชาวไทยทั่วไป ในเรื่องความท้าทายของพลังงานในอนาคต โดยสำรวจความคิดเห็นของคนในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ จำนวน 400 คน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งผลวิจัยชี้ให้เห็นว่า คนไทยให้ความสำคัญด้านความต้องการพลังงานในอนาคตเป็นอันดับแรก เทียบเท่ากับปัญหาการจราจรที่แออัดในอัตรา 92% และระบบการศึกษาของภาครัฐในอัตรา 91%
จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ และแบบจำลองสถานการณ์ของเชลล์ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์จำลองในปี พ.ศ. 2573 ว่า ความต้องการพลังงาน น้ำ และอาหารในโลก จะเพิ่มมากขึ้นราว 40 - 50% เพื่อรองรับความต้องการและจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต คือ พลังงานเป็นสิ่งที่ใช้ในการบำบัดน้ำ
น้ำถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการผลิตพลังงาน ทั้งพลังงานและน้ำ ล้วนเป็นปัจจัยในการผลิตอาหาร ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบสอบถามชาวไทยตระหนักดีถึงปัญหาเหล่านี้ โดยพวกเขาบอกว่า การขาดแคลนพลังงาน (91%) รวมถึงราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น (89%) ตลอดจนการขาดแคลนน้ำ (87%) และอาหาร (80%) จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
"เชลล์ดำเนินการสำรวจความท้าทายของพลังงานในอนาคต เพื่อมุ่งสนับสนุนรัฐบาลในการวางแผนรับมือความต้องการพลังงานในอนาคต โดยพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความมั่นคงทางด้านพลังงาน ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ความต้องการพลังงานในอนาคต ถือเป็นประเด็นที่คนไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ไม่แพ้ปัญหาอื่นๆ ทั้งยังตระหนักดีว่า ทรัพยากรพลังงาน น้ำ และอาหาร ต่างมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร" นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าว
ผลการสำรวจเรื่องความท้าทายของพลังงานในอนาคต ยังแสดงให้เห็นว่า ชาวไทยสนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (83%)^ โดยคิดว่า พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงานที่จะตอบสนองความต้องความต้องการพลังงานของพวกเขาในอนาคต ตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยยังระบุถึงแหล่งพลังงานอื่นๆ ที่อาจนำมาใช้ตอบสนองความต้องการพลังงานในอนาคตได้ คือ พลังงานน้ำ (54%)^ พลังงานลม (41%)^ และก๊าซธรรมชาติ (35%)^ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่เผาไหม้ได้สะอาดกว่า และจัดเป็นพลังงานหมุนเวียนโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย 9 คนใน 10 คน (92%) เห็นว่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามอีก 6% ตอบว่าเป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ หลายคนระบุว่า พวกเขากำลังทำสิ่งต่างๆ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยวิธีลดการใช้พลังงานลง หรือปิดไฟก่อนออกจากห้อง (83%)^ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน (53%)^ ตอลดจนการรีไซเคิล (49%)^
ผู้ตอบแบบสอบถามคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 2 (46%) เห็นพ้องกันว่า ความร่วมมือกันของชุมชน รัฐบาล และภาคอุตสาหกรรม เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดทิศทางพลังงานในอนาคต ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เห็นว่า ประชาชนทั่วไป (70%)^ รัฐบาล (69%)^ และภาคอุตสาหกรรม (41%)^ มีบทบาทสำคัญที่สุดในการพัฒนาระบบพลังงานในอนาคต
"แบบสำรวจนี้ มุ่งให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงความสำคัญ ที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์วิธีการต่างๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านพลังงานในอนาคต โดยบริษัทเชลล์พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาระบบพลังงานใหม่" นายอัษฎากล่าว
ข้อมูลที่น่าสนใจจากการสำรวจ
• ร้อยละ 92 ของจำนวนผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด หรือเทียบเท่า คนไทย 9 ใน 10 คนเห็นว่า ความต้องการพลังงานในอนาคตถือเป็นประเด็นปัญหาสำคัญ ปัญหาอื่นๆ ที่คนไทยให้ความสำคัญเป็นประเด็นหลักเพิ่มเติมได้แก่ สภาพการจราจรที่แออัด (92%)# ระบบการศึกษาของภาครัฐ (91%)# ค่าครองชีพ (89%)# ตลอดจนระบบสาธารณสุข (88%)# และมลภาวะทางอากาศ (88%)#
• ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยเห็นว่า ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน คือ การขาดแคลนพลังงาน (91%)# และราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น (93%)# จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อพวกเขาในอนาคต ปัญหาอื่นๆ ที่พวกเขาแสดงความกังวลได้แก่ การขาดแคลนน้ำ (87%)# การขาดแคลนอาหาร (80%)# อัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น (79%)# และความไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ (74%)#
• แหล่งพลังงานที่ผู้ตอบแบบสำรวจสนับสนุนมากที่สุด คือ พลังงานแสงอาทิตย์ (83%)^ พลังงานน้ำ (54%)^ พลังงานลม (50%)^ ก๊าซธรรมชาติ (35%)^ และเชื้อเพลิงชีวภาพ (35%)^
• 91%* เห็นว่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถือเป็นเรื่อง 'สำคัญมาก' ในขณะที่อีก 6% ให้เป็นเรื่อง 'สำคัญ'
• 46% เชื่อว่าความร่วมมือกันระหว่างภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล และชุมชน คือปัจจัยสำคัญที่สุด ในการหาทางออกให้กับปัญหาด้านพลังงานในอนาคต
• ประชาชนชาวไทยโดยทั่วไปมีบทบาทสำคัญที่สุดในการสร้างอนาคตด้านพลังงานที่ดียิ่งขึ้น (69%)^ รองลงมาในสัดส่วนที่เกือบเท่ากันคือ รัฐบาล (69%)^ และภาคอุตสาหกรรม (43%)^
ท่านสามารถดูผลสำรวจของงานวิจัยเรื่องอนาคตพลังงาน ซึ่งดำเนินการสำรวจในประเทศไทยได้ที่ www.shell.com/scenarios
หมายเหตุ:
# เปอร์เซ็นต์จากการให้คะแนนความสำคัญในหมวดใดหมวดหนึ่งที่ 8 คะแนนขึ้นไปจากคะแนนสูงสุด 10 คะแนน
^ คำถามที่ให้เลือกคำตอบได้หลายข้อ ผลรวมของคำตอบจึงไม่เท่ากับ 100%
* เปอร์เซ็นต์จากการให้คะแนนความสำคัญในหมวดใดหมวดหนึ่งที่ 6 คะแนนขึ้นไปจากคะแนนสูงสุด 10 คะแนน