หม้อน้ำเป็นตัวช่วยระบายความร้อนในการทำงานของเรื่องยนต์ การระบายความร้อนรถยนต์โดยทั่วไปจะใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน จึงต้องมีการดูแลระดับน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าขาดการดูแลแล้วจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูง และเครื่องยนต์อาจเสียหายได้ ถ้าหากรถยนต์ขาดระดับน้ำที่เหมาะสมจะมีสัญญาณเตือนบริเวณหน้าปัดของรถตรงบริเวณใกล้กับเรือนไมล์บอกความเร็ว จะมีเข็มบอกโดยใช้สัญลักษณ์เป็น C เท่ากับ Cool คือเย็น และ H เท่ากับ Hot คือ ร้อน ระดับความร้อนของเครื่องยนต์ต้องได้รับการเติมน้ำในระดับที่ถูต้อง เข็มวัดความร้อนอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H ระดับความร้อนของเครื่องยนต์ต้องได้รับการเติมน้ำในระดับที่ถูกต้อง เข็มวัดความร้อนอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H ถ้าขาดการดูแลระดับน้ำ ความร้อนจะขึ้นถึงตัว H หรือเลยข้นไป ถ้าอยู่ในระดับนี้อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ จึงต้องรีบหาน้ำเติมโดยเร็ว น้ำใช้ในการเติมหม้อน้ำ ใช้น้ำธรรมดาที่ใสไม่มีตะกอน เช่น น้ำประปาทั่วไปขอให้เป็นน้ำสะอาดเท่านั้นระวังอันตราย ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะจะได้รับอันตรายจากไอน้ำที่พุ่งออกมา
ขั้นตอนการเติมน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ การเติมน้ำในหม้อน้ำนั้นแบ่งได้ตามลักษณะของหม้อน้ำ คือ
1. หม้อน้ำที่ไม่มีหม้อพักน้ำสำรอง กรณีนี้จะเป็นรถรุ่นเก่า จะไม่มีหม้อพักน้ำสำรองให้เราดูระดับน้ำก็ต้องเปิดฝาหม้อน้ำโดยตรง และดูว่าระดับน้ำในหม้อน้ำนั้นลดลงหรือไม่ ถ้าลดลงก็เติมน้ำลงไปให้เต็มพอปิดฝาหม้อน้ำได้ อย่าให้น้ำล้นออกมามากในกรณีนี้ต้องคอยเปิดดูระดับน้ำทุกวัน เพราะไม่มีหม้อพักน้ำสำรองให้
2. หม้อน้ำที่มีหม้อพักน้ำสำรองแต่ยังมีฝาปิดหม้อน้ำให้เติมอยู่ ระบบนี้เป็นระบบใช้กับรถรุ่นใหม่กว่าข้อ 1 คือในส่วนของหม้อน้ำจะมีที่เก็บน้ำสำรองเป็นพลาสติกติดอยู่ข้างหม้อน้ำและมีสายต่อโยงถึงกันในระบบนี้ถ้าจะเติมในหม้อน้ำ ต้องเติมให้หม้อน้ำเต็มตามระดับที่เหมาะสมเสียก่อนจึงเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำสำรอง การเติมน้ำในหม้อน้ำพักน้ำสำรองต้องเติมตามจำนวนที่เหมาะสม ห้ามเกินขีดที่กำหนดไว้ โดยจะกำหนดไว้คือMAX คือ จำนวนน้ำมากที่สุดอยู่ที่ระดับนี้ ห้ามเติมน้ำจนเกินระดับนี้โดยเด็ดขาดMIN คือ จำนวนน้ำมีน้อยต้องเติมให้อยู่ในระดับ MAXหม้อน้ำที่มีห้องพักน้ำสำรองจะมีส่วนดีคือ น้ำที่เติมลงไปจะสุญเสียน้อย คือเมื่อได้รับความร้อนกลายเป็นไอ ก็จะถูกดันให้มารวมตัวเป็นหยดน้ำที่หม้อพักน้ำนี้ และเมื่อในหม้อพักน้ำนี้เครื่องเย็นลงก็จะทำการระบายความร้อนต่อไป ถ้ารถมีหม้อน้ำสำรองก็สามารถช่วยประหยัดเวลาในการดูแลระดับน้ำในหม้อน้ำได้ การตรวจเช็กระดับน้ำไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นประจำ อาจตรวจเช็คประมาณ 15-30 วันต่อครั้ง เมื่อระดับน้ำลดลงก็เติมน้ำลงไปให้เหมาะสม
3. หม้อน้ำที่มีหม้อพักน้ำสำรอง แต่ไม่มีฝาเติมน้ำโดยตรงจากหม้อน้ำ เป็นระบบใหม่ที่ใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ คือการเติมน้ำในหม้อน้ำจะเติมได้ทางเดียวคือ บริเวณหม้อพักน้ำสำรองจะไม่มีการเติมผ่านหม้อน้ำโดยตรง การดูแลระดับน้ำนั้นเป็นวิธีเดียวกับการเติมน้ำในหม้อน้ำตามแบบที่ 2 แทนที่จะต้องเติมน้ำที่หม้อน้ำด้วยก็ไม่ต้องเพราะสามารถเติมผ่านหม้อพักน้ำสำรองได้เลย การดูแลระดับน้ำก็เช่นกันไม่ต้องดูแลบ่อย ประมาณ 15-30 วันจึงค่อยตรวจเช็กในเรื่องของน้ำยากันสนิมหม้อน้ำกับน้ำยาทำความเย็นหม้อน้ำเป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจว่าต้องการหรือไม่ แต่ส่วนที่น่าสนใจคือ น้ำยากันสนิม เพราะภายในหม้อน้ำเป็นโลหะ ซึ่งสามารถเกิดสนิมได้ถ้าเติมน้ำยากันสนิมอาจจะช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำและเครื่องยนต์ได้ ส่วนใช้ยี่ห้ออะไรนั้นต้องตัดสินใจกันอีกที เพราะคุณภาพในการทำงานก็ใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันตรงที่ราคา
สำหรับการถ่ายน้ำในหม้อน้ำนั้นก็เป็นไปตามระยะเวลาในคู่มือรถที่ให้มา ถ้าไม่มีการเกิดสนิมการถ่ายน้ำก็ยืดเวลานานขึ้ง แต่ถ้าเป็นสนิมก็ต้องเร็วขึ้นเช่นกัน
วิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ
น้ำในระบบหล่อเย็นหรือในหม้อน้ำของรถยนต์ควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี ยกเว้นในกรณีที่เป็นสนิมควรเปลี่ยนถ่ายเมื่อตรวจพบ โดยการเปิดก๊อกหม้อน้ำหรือท่อยางที่ก๊อกหม้อน้ำออก ควรเปิดฝาหม้อน้ำออกเพื่อช่วยให้น้ำถ่ายออกได้เร็วขึ้น เมื่อถ่ายน้ำหมดแล้วทำการปิดก๊อกแล้วเติมน้ำสะอาดลงไปจนเต็มตามอัตราหรือพิกัดที่บอกไว้ ควรเติมน้ำยากันสนิมลงไปเพื่อรักษาหม้อน้ำด้วยหากพบว่าท่อยางของท่อน้ำชำรุดควรเปลี่ยนพร้อมกันไปด้วย เมื่อเสร็จแล้วต้องลองติดเครื่อง เช็กการไหลเวียนของน้ำว่าเป็นไปตารมปรกติหรือไม่ ถ้าพบรอยรั่วหรือการรั่วซึมควรให้ช่างทำการแก้ไข
พัดลมและสายพาน
สายพานของพัดลมจะทำหน้าที่หมุนปั๊มน้ำและเป่าลมไปยังหม้อน้ำเพื่อระบายความร้อน หากสายพานขาดจะทำให้พัดลมไม่หมุนและน้ำมีความร้อนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นจึงควรตรวจสอบสายพานอยู่เสมอ และหากพบว่าเก่าหรือชำรุดให้รีบเปลี่ยนทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจจะไปขาดกลางทางหรือขณะใช้รถอยู่ถ้าหากพบว่าสายพานขาดขณะใช้รถและหม้อน้ำมีความร้อนขึ้นสูง ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำเพื่อเติมน้ำอย่างเด็ดขาด เพราะไอร้อนจะพุ่งกระจายออกมาเป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียโฉมได้ ควรรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน และที่สำคัญควรมีสายพานสำรองเอาไว้ในรถเพื่อใช้เปลี่ยนการตรวจสอบพัดลมและสายพานต้องระวังเรื่องระบบไฟฟ้า เพราะปรกติจะมีสวิตช์อันโนมัติควบคุมให้พัดลมหมุนและดับเองเมื่อหม้อน้ำร้อนและเย็น ต้องดับสวิตช์เครื่องยนต์ก่อนทำการตรวจสอบสายพานและพัดลม
ข้อควรระวัง
อย่าใช้สายพานเก่าหรือชำรุดที่ตรวจพบ อย่าปล่อยให้สายพานตึงหรือหย่อนเกินไป เมื่อตรวจพบควรให้ช่างช่วยแก้ไข อย่าให้มีน้ำมันหรือสิ่งหล่อลื่นติดสายพาน เพราะจะทำให้ลื่นและหลุดออกหรือขาด อย่าใช้สายพานผิดขนาด
ข้อควรทราบทั่วไปเกี่ยวกับระบบหล่อเย็น
ถ้าเกจวัดความร้อนขึ้นถึงขัด H หรือสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องรีบขับรถเข้าจอดข้างทางอย่าฝืนขับต่อไป อย่าเปิดหม้อน้ำในขณะที่เครื่องร้อนเป็นอันขาด เพราะจะได้รับอันตรายจากไอนี้ที่พุ่งออกมา ควรรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน อย่าใช้น้ำสกปรกเติมหม้อน้ำ เพราะจะทำให้เกิดการอุดตัน ถ้าพบว่าน้ำในหม้อน้ำแห้งเร็วผิดปรกติ ต้องตรวจหารอยรั่วหรืออาการรั่ว และให้ช่างรีบแก้ไข หมั่นสังเกตเกจวัดความร้อนอยู่เสมอขณะขับขี่ ต้องตรวจหารอยรั่วหรืออาการรั่ว และให้ช่างรีบแก้ไข
ความรู้เกี่ยวกับเทอร์โมสตัท (ของระบบหล่อเย็น)
เทอร์โมตัท ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์เป็นวาล์วหรือสวิตช์ทำหน้าที่เปิด-ปิดน้ำไปหล่อลื่นเครื่องยนต์เมื่อมีความร้อน ถ้าเทอร์โมสตัทชำรุดหรือวาล์วเปิด-ปิด ค้าง ความร้อนของเครื่องยนต์จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องเปลี่ยนหรือทำการแก้ไขถ้าความร้อนของเรื่องยนต์อุ่นขึ้นหลังจากติดเครื่องทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แสดงว่าเทอร์โมสตัทเป็นปรกติ แต่ถ้าร้อนขึ้นอย่างช้าๆ แสดงว่าวาล์วเปิดค้าง หรือไม่มีการตัดตามปรกติการตรวจสอบหรือแก้ไขเทอร์โมสตัทควรเป็นหน้าที่ของผู้ชำนาญหรือช่าง