รณรงค์ใช้ส้วมห้อยขาในบ้าน เพื่อลดข้อเข่าเสื่อมแก่ผู้สูงอายุ

นิตยสารรถ Weekly

     กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับมูลนิธิโรคข้อในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทอเมริกัน สแตนดาร์ด บี แอนด์ เค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด รณรงค์ให้คนไทยใส่ใจสุขภาพของแม่และผู้สูงอายุให้ห่างไกลโรคข้อเข่าเสื่อม ด้วยการปรับปรุงส้วมที่บ้านหรือส้วมตามที่สาธารณะให้เป็นส้วมนั่งราบหรือส้วมห้อยขา มอบเป็นของขวัญวันแม่


     นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานแถลงข่าว “การใช้ส้วมนั่งราบ : ส้วมเพื่อแม่” ณ ศูนย์การค้า Terminal 21 สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร ว่า โครงสร้างอายุของประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ประชากรผู้สูงอายุไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.7 หรือประมาณ 7 ล้านคน ในปี 2550 เป็นร้อยละ 11.7 หรือประมาณ 7.5 ล้านคน ในปี 2553 แสดงว่าขณะนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้งอายุ และคาดว่าประชากรผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มเป็นร้อยละ 20.0 หรือประมาณ 14.5 ล้านคน ในปี 2568 และจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในอีก 13 ปีข้างหน้า ซึ่งหนึ่งปัญหาที่จะตามมาคือ ความเสื่อมของร่างกาย โดยเฉพาะโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่พบมากที่สุดโรคหนึ่งในผู้สูงอายุ หรือในวัยกลางคน ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงที่มี อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้น


     นายสรวงศ์ กล่าวต่อไปว่า จากสถิติผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อในไทยของมูลนิธิโรคข้อในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พบว่า ปี 2549 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมกว่า 6 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งเกิดจากการใช้ส้วมนั่งยองติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ หลายปี เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้ เนื่องจากพฤติกรรมการขับถ่ายของเสียของคนไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมใช้ ส้วมนั่งยองในครัวเรือนร้อยละ 86.0 สำหรับการใช้ส้วมนั่งราบหรือส้วมห้อยขาร้อยละ 13.2 ของครัวเรือนทั้งหมด ในปี 2553กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยจึงได้ให้ความสำคัญเรื่องของสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ จึงจัดทำแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณไทย ระยะที่ 3 (พ.ศ.2556-2559) และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อส่งเสริมให้ครัวเรือนมีและใช้ส้วมนั่งราบ หรือมีอุปกรณ์ช่วยสำหรับผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาข้อเข่าให้ได้ร้อยละ 90 และส้วมสาธารณะ ให้ได้ ร้อยละ 100 ภายในปี 2559


     นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติ ถือเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยจะได้รำลึกถึงความสำคัญกับสุขภาพของพ่อแม่ และผู้สูงอายุในบ้าน ที่มีปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อม เพื่อลดและชะลอการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ กรมอนามัยจึงได้ร่วมกับมูลนิธิโรคข้อในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาสยามบรมราชกุมารีบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทอเมริกัน สแตนดาร์ด บี แอนด์ เค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ส่งเสริมให้คนไทยมีและใช้ส้วมนั่งราบหรือส้วมห้อยขาเพิ่มมากขึ้น พร้อมขอความร่วมมือให้สถานที่สาธารณะพัฒนาและปรับปรุงส้วมให้มีส้วมนั่งราบอย่างน้อย 1 ที่ ไว้บริการประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพ ผู้สูงอายุ และประชาชนทั่วไป รวมทั้งส่งเสริมประชาชนได้ตระหนักและ เห็นความสำคัญของการใช้ส้วมอย่างถูกต้อง ได้แก่ นั่งลงบนโถส้วมแบบนั่งราบ , ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการ ใช้ส้วม, ไม่ทิ้งวัสดุอื่น นอกจากกระดาษชำระลงโถส้วม และล้างมือทุกครั้งหลังการใช้ส้วม ซึ่งปัจจุบันครัวเรือนไทยมีส้วม ถูกหลักสุขาภิบาล ร้อยละ 98.1 และกรมอนามัยได้พัฒนาส้วมสาธารณะไทยในกลุ่มเป้าหมาย 12 กลุ่มเป้าหมาย ได้มาตรฐาน สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย ร้อยละ 62.45