- กฎจราจรนั้นเป็นกฎเพื่อความปลอดภัย ไม่แต่เฉพาะตัวท่านผู้ขับขี่เท่านั้นแต่ยังรวมถึงผู้โดยสาร และผู้สัญจรไปมาตามท้องถนน เช่น คนเดินเท้าอีกด้วย และลองสืบสาวถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติภัยบนท้องถนน จะพบว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ขับขี่ไม่เคารพกฎจราจร ทั้งๆที่กฎเกณฑ์ดังกล่าวมุ่งคุ้มครองตัวท่านเอง เป็นต้นว่าการคาดเข็มขัดนิรภัย และการสวมหมวกกันน็อกทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเดินทางใก้ลไกลแค่ไหน จะขับช้า ขับเร็วหรือไม่ ไม่สำคัญ การคาดเข็มขัดนิรภัย หรือการสวมหมวกกันน็อกนั้น คงไม่ใช่เพราะเกรงจะถูกตำรวจจับ หรือถูกปรับ 500 บาท แต่เพราะเมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นจริงๆ เข็มขัดนิรภัยและหมวกกันน็อกนี่แหละที่จะทำให้ท่านรอดชีวิต
- บริเวณที่มักจะเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้งนั้นคือ บริเวณร่วมทางแยก โดยเฉพาะในถนนหลวง ถนนต่างจังหวัดที่ขับกันเร็วๆ ดังนั้น เมื่อท่านขับขี่เข้าใก้ลถึงทางแยก ต้องชะลอความเร็วเสมอ และปฎิบัติตามสัญญาณไฟโดยเคร่งครัด ถ้าบางจุดไม่มีสัญญาณจราจรไฟเขียว ไฟแดง แต่มีไฟแดงกระพริบๆ ท่านต้องหยุดรถรอเสมอจนกว่าปลอดภัยและแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาจึงจะขับขี่ต่อไปได้ นอกจากนั้นระยะทาง 30 เมตร จากทางร่วมทางแยก ห้ามแซงโดยเด็ดขาด และที่สำคัญทางร่วมทางแยกที่ท่านจะกลับรถได้นั้น ต้องเป็นทางแยกที่มีเครื่องหมายอนุญาติให้กลับรถได้เท่านั้น ถ้าไม่มีเครื่องหมายกลับรถ แปลว่า กลับรถตรงจุดนั้นไม่ได้
- สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็ คือ การที่ผู้ขับขี่ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอัตราปกติต้องไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในความเป็นจริง ก็มีการผ่อนผันเป็นไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามนั่นเป็นอัตราความเร็วปกติทั่วๆไป เพราะว่าในขณะที่ท่านขับขี่เป็นถนน ท่านยังต้องสังเกตเครื่องหมายจราจร ติดตั้งอยู่ข้างทาง ด้วยเพราะในแต่ละจุด อาจจะมีเครื่องหมายจำกัดความเร็วที่แตกต่างกันออกไป เช่น ถ้ามีเครื่องหมายระบุตัวเลข 40 ก็คือในบริเวณนั้นต้องขับไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่สำคัญอย่าลืมว่าถึงที่หมายปลายทางอย่างปลอดภัยคือ สิ่งสำคํยที่สุดของการเดินทาง