ภัยก่อการร้ายนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และเราเองก็คงไม่มีใครอยากเข้าไปข้องแวะถึงความอันตรายที่อาจเกิดความเสียหายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินเรา แม้เราจะพยายามหลีกเลี่ยงแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้โดยเฉพาะสถานการณ์ที่อึมครึมกับการวางระเบิดรายวันนั้น ทำให้ภัยก่อการร้ายกลายเป็นภัยใกล้ตัวมาทันใด
เมื่อเกิดเหตุร้ายแน่นอนว่าไม่ว่าจะความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นกับรถ เราทุกคนคงต้องนึกถึงบริษัทประกันภัยที่เขาช่วยคุณคุ้มครองดูแลรถสุดที่รักอยู่ โดยเฉพาะประกันประเภทที่หนึ่งที่รวมแทบทุกเหตุ ... แต่ถ้ารถของท่านได้รับความเสียหายจากภัยที่เกิดจากเหตุก่อการร้ายไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม คุณกำลังจะมีงานเข้ามาเยือนโดยที่ไม่ต้องรอการพิสูจน์
ตามหลักของการประกันภัยรถยนต์แล้ว ความรับผิดชอบของบริษัทประกันนั้นจะรับผิดชอบอยู่ใน 2 กรณี คือทรัพย์สินและบุคคล ซึ่งแบ่งไปตามประเภทที่คุณทำประกันภัยว่า ประเภทที่ 1 รับผิดชอบทั้งตัวเองและคู่กรณี ส่วนในประเภทที่ 3 นั้นรับผิดเฉพาะของคู่กรณี ในขณะที่รถหายและไฟไหมนั้น จัดเป็นกรณีพิเศษตามแต่จะเลือกทำหรือต้องการครอบคลุม
เอกสารแนบท้ายของคู่มือประกันภัยในหัวข้อ ร.ย.30 ระบุไว้ว่า
“การก่อการร้ายหมายความรวมถึงการกระทำ ซึ่งใช้กำลังหรือความรุนแรง และ/หรือมีการข่มขู่โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำเพียงลำพัง การกระทำการแทน หรือที่เกี่ยวเนื่องกับองค์กรใด หรือรัฐบาลใด ซึ่งกระทำเพื่อผลทางการเมือง ศาสนา ลัทธินิยม หรือจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งเพื่อต้องการส่งผลให้รัฐบาล และหรือสาธารณชนหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของสาธารณชนตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก หวาดกลัว
ข้อยกเว้นนี้ไม่คุ้มครองความสูญเสีย ความเสียหาย ค่าใช้จ่าย ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุโดยตรงหรือโดยอ้อมเป็นผลมาจากหรือมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับ การกระทำใดๆ ที่ต้องกระทำขึ้นเพื่อควบคุม ป้องกัน หยุดยั้ง ไม่ว่าจะรูปแบบใด ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการกระทำก่อการร้าย”
จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าไม่มีบทบัญญัติทั่วไปเกี่ยวกับภัยก่อการร้าย ซึ่งหมายความว่ารถของคุณนั้นหากได้รับความเสียหายจากภัยก่อการร้ายก็อาจจะ ไม่ได้รับสินไหมทดแทน
นั่นหมายความว่าหากรถของคุณได้รับความเสียหายจากภัยก่อการร้ายก็จะไม่ได้รับการ ชดเชยค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย แม้จะมีการเขียนเบี้ยความคุ้มครองในเรื่องการก่อการร้ายในกรมธรรม์แต่กรณี นี้เป็นเรื่องยกเว้นที่หลายคนไม่ทราบ
ทั้งนี้หากรถคุณเจอภัยก่อการร้ายเข้าอย่างจัง และไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัยได้
ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้น เมื่อพบว่ารถได้รับความเสียหายควรจะประเมินมูลค่าก่อนว่าเสียหายไปมากน้อยเพียงใด หากไม่มากก็ควรซ่อมใช้ดีกว่า
2. ตัดสินใจ คิดให้ดีว่าจะซ่อมใช้ หรือถ้าไม่คุ้มเราแนะนำให้ขายซาก ซึ่งมีคนจำนวนมากรับซื้อและนำเงินที่ได้ไปกลบกับค่าเบี้ยผ่อนรถกรณีที่ยัง ไม่หมด หรือไปออกรถใหม่มาขับจะดีกว่า
3. ยกเลิกกรมธรรม์ กรณีที่รถเสียหายมากไม่สามารถใช้งานต่อได้ อย่านิ่งเฉย ให้รีบทำการยกเลิกรมธรรม์ทันที โดยใช้วิธีส่งจดหมายระบุเป็นลายลักษณ์อักษรถึงบริษัทประกัน หรือเข้าไปติดต่อที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งเราจะได้รับเบี้ยคืนตามที่ประกันภัยระบุ
เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ภัยก่อการร้ายก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ทางที่ดีอย่าเข้าไปยังจุดเสี่ยงหรือพื้นที่เสี่ยงภัย เนื่องจากน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าที่จะปลอดภัยต่อทรัพย์สินของท่าน