ในช่วงนี้ทาง www.rodweeky.com ขอตามติดกระแสรักษ์โลกกับเขาบ้าง นั่นคือการปั่นจักรยาน
ซึ่งช่วงนี้เราหันมาเห็นคนขี่จักรยานกันเพิ่มมากขึ้น แต่หากพูดถึงการขี่จักรยานเพื่อใช้ออกกำลังหรือแข่งขัน "จักรยานเสือหมอบ" วันนี้เราได้นำข้อมูลจักรยานเสือหมอบเจ๋ง ๆ จากเว็บไซต์ mensfitness.com มาแนะนำให้ได้ทราบกัน
1. Tarmac Mid Compact
เสือหมอบดีไซน์เฉียบคันนี้ ตัวโครงรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา แฮนด์จับที่กระชับถนัดมือ และมีเกียร์ที่ได้รับการแต่งมาอย่างดี จึงเป็นจักรยานที่เหมาะสำหรับใช้ในการแข่งขันเอามาก ๆ เพราะสามารถเร่งสปีดให้เร็วได้ไม่ยาก ทั้งนี้สนนราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,750 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 52,000 บาท)
2. Bianchi Vertigo 105
จักรยานแบรนด์ดังจากประเทศอิตาลี นับว่าเป็นเสือหมอบอีกรุ่นที่นักปั่นหลาย ๆ ท่านน่าจะให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะมีรูปลักษณ์สวยเด่นสะดุดตาแล้ว อุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบตัวรถก็ยังเป็นของคุณภาพดี รับประกันในเรื่องของความแข็งแรงทนทานได้อย่างไร้ที่ติ โดย Bianchi Vertigo 105 ปักป้ายขายในราคา 2,000 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 59,000 บาท)
3. Cannondale CAAD10 5 105
แม้โครงรถที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์จะได้รับความนิยมในหมู่นักปั่นจักรยานทุกวันนี้ เนื่องด้วยน้ำหนักที่เบาของมัน จึงทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้งานจักรยานที่ตัวโครงทำจากคาร์บอนไฟเบอร์กันมาก ทว่า Cannondale CAAD10 5 105 กลับเลือกใช้อะลูมิเนียมมาทำโครงรถแทน และถึงแม้มันจะมีน้ำหนักมากกว่าโครงจากคาร์บอน ทว่าเสือหมอบรุ่นนี้ก็ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างไหลรื่นมากกว่า คันที่ทำจากอะลูมิเนียมรุ่นอื่น ๆ เสียอีก โดยจำหน่ายอยู่ในราคา 1,730 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 51,200 บาท)
4. Cervélo R3
เสือหมอบรุ่น R3 จาก Cervélo คือจักรยานที่ทีมนักปั่น Garmin-Sharp Barracuda ใช้ขี่ในการแข่งขันจักรยานชื่อดังระดับโลกอย่าง ตูร์ เดอ ฟร้องซ์ (Tour de France) ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยหากนักขี่จักรยานทางไกลจะเลือกใช้กัน เพราะของเข้าขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแกร่งทนทาน พร้อมลุยบนถนนหลากหลายรูปแบบ บวกกับเกียร์เร่งสปีดที่เสกความเร็วได้ดั่งใจ แต่นั่นก็แลกมากับราคาที่สูงไม่เบาเลย โดยจำหน่ายในราคา 2,600 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 77,000 บาท)
5. Giant Defy Advanced 1
เสือหมอบจาก Giant รุ่น Advanced 1 น่าจะเป็นหนึ่งในช้อยส์อันดับต้น ๆ ของนักปั่นหลาย ๆ ประเภท เพราะส่วนประกอบต่าง ๆ ของตัวรถนั้นใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้เป็นส่วนประกอบของยานอวกาศและรถแข่ง F1 นั่นเอง แถมโครงรถก็ยังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคัน ซึ่งแน่นอนล่ะว่า ผู้ที่ได้ขับขี่จะต้องทึ่งกับความเบาของมันแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ขับขี่ได้กับเส้นทางหลาย ๆ แบบ เช่น ขี่ขึ้นเนินเขา, ขี่ในสนามที่ต้องใช้ความเร็ว หรือขี่ระยะทางไกลก็ได้ทั้งนั้น โดยแขวนป้ายราคาขายไว้ที่ 3,150 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 93,200 บาท)
6. Planet X N2a SRAM Red
สำหรับนักปั่นคนใดที่กำลังมองหาจักรยานคู่ใจที่เน้นความเร็วเป็นพิเศษ คงต้องเล็งมาที่เสือหมอบรุ่นนี้กันซะแล้ว เพราะทางผู้ออกแบบนั้นอาศัยหลักอากาศพลศาสตร์ในการดีไซน์รถ เพื่อดึงศักยภาพของรถออกมาให้ได้มากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมราคาถึงได้ดีดตัวพุ่งสูงไปถึง 4,000 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 118,500 บาท)
7. Orbea BLi2
มาต่อกันด้วยจักรยานที่เน้นความเร็วกันอีกรุ่นต่อกันเลยดีกว่า กับ Orbea รุ่น BLi2 เพราะทางผู้ผลิตใช้หลักอากาศพลศาสตร์ในการออกแบบเหมือนกับคันที่กล่าวไปข้างต้น ดังนั้นเรื่องการเร่งสปีดจึงถือเป็นจุดเด่นสำคัญของ BLi2 เลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้นรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูเท่ไม่หยอก เรียกได้ว่าเด่นทั้งเรื่องคุณภาพและหน้าตาเลยล่ะ โดยสนนราคาขายอยู่ที่ 4,200 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 124,000 บาท)
8. Trek Domane 6.9
สำหรับเสือหมอบรุ่นนี้ น่าจะเหมาะกับการปั่นจักรยานในระยะทางไกล เพราะมีการดีไซน์เบาะหนังและโครงรถให้อยู่ในตำแหน่งที่สมดุลกัน เพื่อให้นักปั่นรู้สึกสะดวกสบาย ไม่เมื่อยในยามที่ต้องขี่จักรยานทางไกล พร้อมแฮนด์จับที่มีความกระชับ ดังนั้น ไม่ว่าระยะทางจะใกล้หรือไกลแค่ไหนก็สบายหายห่วง โดย Domane 6.9 รุ่นนี้ปักป้ายขายในราคา 6,930 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 205,000 บาท)
9. Pinarello Dogma 65.1 Think 2
บริษัทผู้ผลิตและตกแต่งจักรยานจากประเทศอิตาลี Pinarello นำโครงรถของตัวเอง มาเนรมิตเสือหมอบดีไซน์เท่รุ่น Dogma 65.1 Think 2 ขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยโครงรถจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา และมีความแข็งแกร่งในตัว จึงทำให้ผู้ที่มองหาเสือหมอบที่เน้นคุณภาพเป็นหลักเลือกใช้บริการสินค้าจากทาง Pinarello นั่นเอง ทั้งนี้ เฉพาะตัวโครงรถอยู่ที่ 5,300 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 157,000 บาท)