ขับรถได้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าขึ้นเขา ลงห้วย หรือพายุกระหน่ำแค่ไหนคุณผู้หญิงก็ไปไหว แต่พอรถสตาร์ตไม่ติดกลับทำอะไรไม่ถูก แบบนี้จะเสียชื่อหมด ทางที่ดีควรศึกษาเรื่องการดูแลรถขั้นพื้นฐานไว้เป็นดีที่สุดเพราะหากเกิดกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครในละแวกนั้นได้จะได้ลองแก้ไขด้วยตัวเองไปก่อน
เรียนรู้เกจต่าง ๆ ที่หน้าปัดรถยนต์
- เกจวัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อความปลอดภัยและไม่เสียเวลา ควรเติมน้ำมันให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า E อยู่เสมอหรือพยายามอย่าให้ต่ำกว่า 1-2 ขีด หากคุณไม่อยากถึงกับต้องจอดรถทิ้งไว้แล้วไปหาแกลลอนมาเติมน้ำมัน ก็ควรใส่ใจรายละเอียดตรงนี้อยู่เสมอ
- เกจวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น จะทำหน้าที่บอกเราให้ทราบถึงอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นโดยปกติเข็มวัดจะอยู่ระหว่างตัว C และ H หรือ 85-90 องศาเซลเซียส แต่หากเมื่อใดที่เข็มเคลื่อนมาอยู่ใกล้ตัว H แสดงว่าเครื่องยนต์ของท่านนั้นร้อนจัด ควรรีบปิดแอร์เพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ และนำรถจอดไหล่ทางหรือที่ปลอดภัย จากนั้นให้รีบเปิดฝากระโปรงรถเพื่อรถระบายความร้อนออกจากห้องเครื่อง อย่าเอาน้ำราดเพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
- เกจวัดระดับน้ำมันเครื่อง จะบอกถึงประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่อง แสดงค่าในรูปของความดัน วัดออกมาเป็นตัวเลขได้ ซึ่งจะวัดได้ก็ต่อเมื่อเราเริ่มสตาร์ตรถ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานไปได้สักพักอุณหภูมิของเครื่องยนต์ก็จะสูงขึ้นและเมื่อน้ำมันเจอกับความร้อนก็จะถูกหลอมให้เหลวลง ยิ่งเหลวมากเท่าไรประสิทธิภาพในการหล่อลื่นก็จะลดลง ทำให้เกิดการสึกหรอ รวมไปถึงการระบายความร้อนก็จะมีประสิทธิภาพการทำงานที่ต่ำลง
- เกจเครื่องยนต์ ส่วนใหญ่จะโชว์รูปเครื่องยนต์ ไฟนี้จะแสดงการทำงานของเครื่องยนต์ว่าสมบูรณ์เต็มร้อยหรือไม่
- เกจแบตเตอรี่ เกจนี้จะโชว์บอกสถานะของระบบประจุไฟ หากไฟนี้ไม่ยอมดับแสดงว่าระบบประจุไฟมีปัญหา ซึ่งหมายถึงตัวไดชาร์จที่มีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายให้ระบบต่าง ๆ รวมถึงการประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่มีปัญหา
- เกจระบบเบรก เป็นที่พบเจอบ่อย ๆ เพราะคุณอาจลืมปลดเบรกมือก็ได้ แต่หากปลดแล้วไฟยังติดอยู่ ให้ดึงแล้วปลดอีกครั้งจนไฟดับ เพราะสวิตช์ไฟอาจจะค้างก็ได้ แต่หากไฟสัญญาณยังไม่ยอมดับอาจจะเกิดจากระดับน้ำมันต่ำ
- เกจระบบเบรก ABS หากไฟระบบเบรกไม่ยอมดับ หรือเมื่อขับไปแล้วสัญญาณไฟระบบเบรกเตือนขึ้นมา แสดงว่าส่วนใดส่วนหนึ่งอาจจะมีปัญหาให้ลดความเร็วลงและเข้าศูนย์ทันที
- เกจระบบน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อน้ำมันใกล้จะหมด สัญญาณไฟนี้จะโชว์ขึ้นมา แต่ก็ยังสามารถวิ่งต่อไปได้อีกประมาณ 20-30 กิโลเมตร คุณควรรีบเติมน้ำมันก่อนที่มันจะหมดถังซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อยจนใกล้จะหมด ยิ่งหากรถที่ใช้ระบบหัวฉีดส่วนใหญ่จะปั๊มเชื้อเพลิงเป็นแบบแช่ถังหากน้ำมันเหลือน้อยเกินไปก็จะทำให้ปั๊มทำงานหนักและร้อน จนเกิดการสึกหรอก่อนอายุขัย
เหล่านี้คือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานที่รถทุกคันจะมี และนอกจากนี้ยังมีไฟสัญลักษณ์ต่าง ๆ อีกมาก ตามรถแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันไป ยิ่งรถรุ่นใหม่ ๆ ก็จะยิ่งมีระบบต่าง ๆ ที่ทันสมัย เจ้าของรถและผู้ใช้ควรศึกษาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ให้ละเอียดและรอบคอบ เพื่อที่จะรู้เมื่อเกิดปัญหาและสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที