หลายคนยังไม่เคยรู้ว่า การขับรถยนต์มีมุมอับในการมองเห็นอยู่ 2 ชนิด ..คือ จุดบอด (Blind spot) กับ พื้นที่บอด (Blind area)
"จุดบอด"
คือบริเวณด้านซ้ายและด้านขวาของรถ ที่กระจกทั้งสองข้างจับภาพไม่ได้ จุดบอดจะอยู่ ระหว่าง แนวพนักพิงเบาะหลังของคนขับ
สมมติว่ารถเราขับอยู่ช่องทางซ้ายรถที่กำลังแซงวิ่งอยู่ทางช่องขวา เมื่อส่วนหัวของรถคันที่จะแซงถึงแนวขอบเบาะหลังรถของเรา ๆ ก็จะมองไม่เห็นรถนั้นแล้ว ถ้ามองจากกระจกส่องข้าง จุดนั้นเราเรียกว่า "จุดบอด"
การจะมองให้ครอบคลุมจุดบอดให้ได้ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือการหันเหลือบมองข้างหัวไหล่ การเหลือบมองคือการมองเร็ว ๆ
จุดบอดของรถยนต์สมัยนี้มีมากกว่ารถยนต์ในอดีต ยกตัวอย่างเช่นพวกรถกระบะ หรือรถบรรทุก สมัยก่อนกระจกจะอยู่ส่วนบนของล้อหน้า แต่พอปัจจุบันระบบไฟฟ้ารถยนต์มีอิทธิพลมากขึ้น กระจกมองข้างต้องปรับด้วยไฟฟ้า การนำกระจกมาติดที่ประตูทั้งสองด้านก็ถือฤกษ์กำเนิด
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราได้หนึ่งอย่างและเสียหนึ่งอย่าง จุดบอดของรถยนต์คือ "จุดอันตราย" ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นสูญเสียชีวิต เพราะรถจะถูกชนด้านข้างขวากรณีสลับจากช่องทางซ้ายไปใช้ช่องทางขวา เช่นเมื่อต้องการแซงหรือเมื่อต้องการเลี้ยว
"พื้นที่บอด"
เรามักจะได้ยินข่าวการถอยรถทับคนตายบ่อย ๆ ทั้งถอยทับเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ประมาท นึกว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างหลัง
การถอยหลังนั้นควรต้องมีคนช่วยดูท้าย และจะต้องถอยด้วยความเร็วต่ำ ๆ ประมาณไม่เกิน 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเฉพาะรถบรรทุก รถโดยสารประจำทาง รถอเนกประสงค์สูง ๆ รถตู้
พื้นที่บอดของรถยนต์แต่ละลักษณะมีไม่เหมือนกัน อย่างกับรถบรรทุกน้ำมันจะมีมากเท่า ๆ รถเมล์โดยสารหรือรถทัวร์คันสูง ๆ เพราะสมัยนี้กระจกส่องหลังใช้ไม่ได้แล้วถูกอย่างอื่นบดบังหมด
การขับรถเก๋งหรือรถเล็กตามหลังรถบรรทุกนั้นควรจะเว้นระยะห่างให้มาก ๆ เพราะการเว้นระยะห่างให้มากจะช่วยให้หลุดออกจากพื้นที่บอด และคนขับรถบรรทุก เขาก็จะเห็นรถเล็กที่แล่นตามมาข้างหลัง
พอรถใหญ่ทราบว่ามีรถเล็กแล่นตามมาคนขับอาจจะไม่เบรกกะทันหัน หรือคนขับรถบรรทุกคันใหญ่อาจจะเพิ่มระยะเว้นห่างกับคันข้างหน้า คือเป็นการเตรียมตัวคอยช่วยคันหลังไม่ให้ชนท้าย หากต้องหยุดกะทันหัน
รถเก๋งส่วนบุคคลที่กลัวความร้อนเอาแผ่นกันแดดกั้น ไม่ให้แดดส่องเข้ารถก็เท่ากับเพิ่มพื้นที่บอด หรือรถนั่งส่วนบุคคลที่ประกอบด้วยตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ หลาย ๆ ตัวหรือหมอนคู่ที่นิยมกันมาก ก็จะเพิ่มพื้นที่บอดด้วย
ดังนั้นการเว้นระยะห่าง นอกจากจะมีเวลามากเพียงพอสำหรับการเบรกหยุดแล้ว ยังเป็นการไม่เข้าไปอยู่ในพื้นที่บอดด้วย