ดูแลระบบแอร์ก่อนหน้าร้อน...เรื่องสำคัญที่ควรทำก่อนตับแตก

นิตยสารรถ Weekly

บรรยากาศ ช่วงนี้ชวนน่าเวียนหัวจริงๆ เดี๋ยวก็หนาว ใส่เสื้อหนา 2 วัน กลับมาร้อน บ้าดีแท้..อากาศเมืองไทย ..แน่นอน นี่อาจจะเป็นผลจากภาวะโลกร้อนที่ทุกคนกำลังร่วมมือกันช่วยผ่อนคลาย แต่ไหนๆ ช่วงนี้บรรยากาศกำลังดี ถือว่าไม่ร้อนมาก และก็ไม่หนาวสุดขั้ว คงได้เวลาแล้วที่เราจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับอีก 4 เดือนข้างหน้าที่จะร้อนจนทนไม่ไหวแน่ๆ


เมื่อพูดถึงฤดูร้อนนั้น เราหลายคนคงนึกถึงระบบปรับอากาศรถยนต์ ที่จะเป็นสิ่งเดียวช่วยคุณคลายร้อน เว้น แต่คุณอยากลดความอ้วน อันนี้ก็ขับรถชิวๆเปิดกระจกกินลม แต่ก็คงไม่ไหว หากต้องผจญกับควันพิษในเมืองกัน ระบบแอร์แม้จะไม่ใช่ระบบที่เป็นตัวบทสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนรถยนต์หนึ่งคัน แต่มันก็สำคัญกับคนขับมากๆ โดยเฉพาะเมื่อร้อนนี้คุณอาจต้องแวะรับสาวๆ การทำให้รถของคุณมีระบบปรับอากาศที่ดีและพร้อมที่จะคลายร้อนทุกที่ทุกเวลา คงเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างยิ่ง แล้วเราต้องดูแลอะไรบ้างหลายคนคงนึกอยากย้อนถาม แน่นอนเรื่องนี้อาจจะฟังดูยาก แต่ด้วยความที่ระบบแอร์รถยนต์นั้นเป็นระบบปิด (หมุนเวียนภายในเท่านั้น) ถ้ารถคุณไม่ได้มีปัญหาจริง แค่ดูแลรักษาก็คงเพียงพอ


1.เช็คน้ำยาแอร์
ในหน้าหนาวเราอาจจะไม่เคยรู้สึกร้อนอะไรมากมายนัก เพราะอากาศภายนอก ช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานแอร์ไปส่วนหนึ่ง แต่เมื่อหน้าร้อนคุณจะรู้ได้ทันทีว่าระบบแอร์คุณมีปัญหาหรือไม่ โดยเฉพาะ ถ้าช่วงที่กำลังเปลี่ยนฤดูนี้ รถใครเย็นแบบชืดๆ ไม่ฉ่ำ ก็ได้เวลาเปิดฝากระโปรง ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์แล้วการดูระดับน้ำยาแอร์นั้น คุณสามารถดูได้ที่กรองแอร์ ซึ่งอยู่ในบริเวณแผงระบายความร้อนทางด้านหน้ารถ โดยกรองแอร์หรือที่บางคนเรียกว่า Dryer นี้จะมีช่องตรวจสอบน้ำยา โดยสังเกตผ่านตาแมวที่เป็นกระจกใส่ ว่า ถ้าเราเริ่มเห็นฟองอากาศ แสดงว่าน้ำยาแอร์เริ่มน้อย กลับกันถ้าน้ำยายังมากกระจกจะค่อนข้างใส ซึ่งโดยปกติแล้วเราต้องเติมน้ำยาแอร์เป็นประจำทุกๆ 2 ปี


2.ตรวจเช็ครอยรั่วของระบบ
บางครั้งสาเหตุที่แอร์รถเราไม่เย็นนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากระบบเกิดรอบรั่ว ซึ่งโดยทั่วไประบบแอร์จะไม่สามารถรั่วเองได้ เว้น แต่จะมีการสึกหรอของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะแผงระบายอากาศไปจนถึงโอริงตัวเล็กที่ประกบอยู่ระหว่างชุดท่อแอร์ข้างใน การสังเกตว่าแอร์รถของท่านรั่วหรือไม่นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยดูจากรอยรั่วที่น้ำยากระทำต่อนวมแอร์ หรือมีคราบสกปรกในบริเวณต่างๆที่ใกล้กับท่อแอร์ ซึ่งคราบเหล่านี้เกิดจากน้ำยาแอร์ แต่กรณีที่รถของท่านเกิดไม่มีรอยน้ำยาเหล่านี้แต่น้ำยาแอร์พร่อง หาย อาจเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1 น้ำยาแอร์ต่ำ และ 2 อุปกรณ์ในระบบที่ไม่ใช่ชุดท่อแอร์รั่ว ซึ่งเราจำเป็นต้องติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญโดยตรง


3.ล้างแอร์
ถ้าคุณคิดว่ารถคุณปกติ ก็ได้เวลาไปล้างแอร์กัน ปัจจุบัน การล้างแอร์นั้น สามารถทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องถอดตู้แอร์ออกมาให้ยุ่งยากวุ่นวาย ซึ่งหากคุณมีโอกาส ค่าใช้จ่ายครั้งละ 1,500 บาท ต่อครั้ง อาจจะทำครั้งละ 1 ปี ถือว่าไม่ใช่เงินที่เยอะเลย และนอกจากลมแอร์จะดีขึ้นแล้ว ยังช่วยรักษาสุขภาพของคุณและผู้โดยสารด้วย


4.ไปล้างรถ
หลายคนอาจจะงง มันไปเกี่ยวอะไรกับการล้างรถ แต่นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราแนะนำให้คุณไปร้าน ล้าง อัดฉีด ที่มีเครื่องน้ำพ่นแรงๆ แล้วบอกเน้นย้ำเขาให้จัดการกับแผงระบายความร้อนด้านหน้ารถคุณ ซึ่งทุกวันที่คุณขับ นอกจากเศษฝุ่นแล้วคราบใบไม้ บางทีอาจจะแถวสัตว์ประหลาดมาด้วยนั้น จะถูกหมักความสกปรกไว้ตรงนี้ทั้งหมด ซึ่งการล้างอัดฉีดเป็นวิธีเดียวที่ช่วยได้ และถึงมันไม่เกี่ยวกับระบบปรับอากาศรถยนต์โดยตรง แต่การที่เราขจัดคราบฝุ่น-เศษขยะไปได้ก็ช่วยการระบายความร้อนของน้ำยาดีขึ้น และแน่นอน แอร์เย็นเร็วขึ้นด้วย


5.ไปเยี่ยมร้านแอร์
หลังจากที่เราเสร็จการเช็คด้วยตัวเราเองแล้ว ก็ได้เวลาไปแวะเยี่ยมช่างผู้ชำนาญการ เพื่อให้เขาตรวจสอบอีกครั้งเป็นการเช็คซ้ำ เพราะการที่เราเช็คด้วยตัวเองบางครั้งไม่ใช่ว่าจะรู้ไปเสียทั้งหมด การที่เราเช็คมาก่อนหน้านี้นั้น ช่วยให้เรารู้ถึงปัญหาก่อนที่จะเข้าร้าน และแน่นอนหลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกคุณน่ะไม่ได้หรอก


ทั้งหมด 5 ข้อนี้ก็เป็นทริคที่คุณควรรีบๆไปทำเสีย ก่อนที่ตุ๊กตาหน้ารถจะหงุดหงิดเอาได้ถ้าเธอเจออากาศร้อนอบอ้าวเอา ยังไงจำไว้ว่าทุกปัญหามีสัญญาณและทางแก้ไข อยู่ที่คุณจะทำอย่างไร และดำเนินการได้เร็วหรือไม่ เท่านั้นเอง

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : http://auto.sanook.com