อุบัติเหตุชนท้าย เป็นอุบัติเหตุที่พบบ่อยครั้งในสัดส่วนที่สูงกว่าอุบัติเหตุรูปแบบอื่น โดยมีสาเหตุจากการเว้นระยะห่างในการขับรถไม่เหมาะสม การเปลี่ยนช่องทางโดยไม่ให้สัญญาณไฟ รวมถึงการขาดทักษะในการขับรถและหยุดรถของผู้ขับขี่เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรรู้เกี่ยวกับหลักในการขับรถอย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุชนท้าย ดังนี้
- การเว้นระยะห่าง ไม่ขับรถตามหลังรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิด ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อให้มีระยะในการหยุดรถอย่างปลอดภัย หากขับรถในช่วงที่ทัศนวิสัยไม่ดี ถนนเปียกลื่นและบรรทุกสิ่งของหนักควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น จะสามารถหยุดรถได้ทันเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
- การเปลี่ยนช่องทางเดินรถ ควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเลี้ยวหรือเปลี่ยนช่องทางในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อให้รถคันอื่นชะลอความเร็วและให้ทาง จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุชนท้าย
- การเบรกหรือหยุดรถ สังเกตระยะห่างของรถที่ขับตามหลังมาก่อนเบรกรถ เพราะหากรถคันหลังขับชิดท้ายในระยะกระชั้นชิด อาจเบรกไม่ทันและถูกชนท้ายได้ พร้อมแตะเบรกเบา ๆ ชะลอความเร็วก่อนหยุดรถ เพื่อให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมาหยุดรถได้ทัน โดยน้ำหนักในการเหยียบเบรกควรสัมพันธ์กับสภาพการจราจรและความเร็วรถ จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุชนท้าย
- การขับรถแซง ควรให้สัญญาณไฟก่อนขับแซง เมื่อประเมินสภาพเส้นทางแล้วปลอดภัย จึงขับรถแซงโดยเร่งความเร็วให้มากกว่าปกติ เพื่อป้องกันรถที่ขับตามหลังมาชะลอความเร็วไม่ทัน ทำให้ถูกชนท้ายได้ ห้ามขับรถแซงทางด้านซ้ายหรือริมไหล่ทางโดยเฉาะช่วงกลางคืนมักมีรถขนาดใหญ่จอดโดยไม่ให้สัญญาณไฟ ทำให้หักหลบไม่ทันก่อให้เกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้
- การขับรถผ่านสี่แยกสัญญาณไฟจราจร เมื่อเห็นสัญญาณไฟเหลือง ให้ชะลอความเร็วรถโดยเหยียบย้ำเบรกเป็นระยะ เพื่อเตือนให้ผู้ที่ขับรถตามหลังหยุดรถได้ทัน ไม่เหยียบเบรกกะทันหันเพราะจะทำให้ถูกชนท้ายได้ โดยเฉพาะการจอดรถติดสัญญาณไฟในช่วงกลางคืน ควรแตะเบรกค้างไว้ เพื่อให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมาทราบว่ามีรถหยุดหรือจอดอยู่ จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุรถชนท้าย
- การขับรถผ่านเส้นทางที่การจราจรติดขัด ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถโดยเฉพาะรถเกียร์อัตโนมัติ หากผู้ขับขี่เผลอยกเท้าออกจากแป้นเบรกในขณะที่เกียร์อยู่ในตำแหน่ง D จะทำให้ชนท้ายรถคันหน้าได้ เพื่อความปลอดภัย ควรเลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P หรือตำแหน่ง N และดึงเบรกมือไว้
- การจอดรถ ควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนหยุดรถหรือจอดรถในระยะไม่ต่ำกว่า 30 เมตร โดยจอดรถด้านซ้ายของช่องทางเดินรถ ในลักษณะไม่กีดขวางการจราจร ขนานกับถนนชิดขอบทางหรือไหล่ทางในระยะไม่เกิน 25 เซนติเมตร หรือจอดรถในช่องที่จัดไว้สำหรับจอดรถจะช่วยป้องกันรถที่ขับตามหลังมาชนท้ายได้
- กรณีรถเสียหรือขัดข้องบนเส้นทาง ควรเปิดไฟฉุกเฉิน พร้อมนำกรวย กิ่งไม้หรือวัสดุอื่นมาวางให้ห่างจากด้านหลังรถในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร เพื่อเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นทราบว่ามีรถจอดเสีย จะได้เปลี่ยนช่องทางการเดินรถได้ทัน โดยจอดชิดริมไหล่ทางให้มากที่สุด จากนั้นพยายามนำรถออกให้พ้นจากช่องทางเดินรถ เพื่อไม่ให้กีดขวางช่องทางจราจร จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุรถชนท้ายได้
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวว่า การเว้นระยะห่างในการขับรถไม่เหมาะสมเป็นพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงถึงร้อยละ 80 โดยการขับรถชิดท้ายรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิด จะทำให้เกิดอุบัติเหตุชนท้ายได้ ขณะที่การเว้นระยะห่างมากเกินไปจะทำให้รถคันหลังพยายามแซงจึงเพิ่มโอกาสต่อการเกิดอุบัติเหตุแก่รถคันอื่น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุชนท้ายผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้สัมพันธ์กับความเร็วและสภาพการจราจรจะได้มีระยะในการหยุดรถอย่างปลอดภัย