ถึงหน้าเทศกาลและวันหยุดยาว หลายๆ ท่านก็ต้องเดินทางไปเที่ยวพักผ่อน หรือกลับถิ่นฐานบ้านเกิด ซึ่งก็จะต้องขับรถไกลๆ และต้องอยู่บนถนนเผชิญกับการจราจรเป็นหลายชั่วโมง เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้อย่างปลอดภัย แต่ปัญหาส่วนใหญ่ของการขับรถนานๆ ก็มักจะมีอาการปวดหลัง ปวดบ่า ปวดคอ ปวดนั้น ปวดนี่ หรือปวดไปทั้งตัว ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะหายไปได้หากเรารู้จักเตรียมตัว รู้จักวิธีการปรับที่นั่งขับรถและการบริหารกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันอาการปวดที่อาจเกิดขึ้นได้
ท่าทางในการขับรถกับความเสี่ยงของอาการปวดหลัง
การนั่งขับรถนานเป็นสาเหตุให้ปวดหลังได้ เพราะส่วนโค้งของหลังส่วนเอวจะโค้งกลับทิศขณะนั่ง ซ้ำร้ายการขับรถจะบังคับให้ผู้ขับขี่ให้ความสนใจและมีสมาธิกับการขับรถโดยมักไม่สนใจที่จะเปลี่ยนท่าทาง ทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่างๆ อยู่ในท่าเดิมนานจนเกิดปัญหาอาการปวดของข้อ กล้ามเนื้อ และเส้นประสาทจากการทรงท่าที่อยู่นิ่งนานเกินไป วิธีการที่ดีที่สุดคือต้องปรับที่นั่งให้เข้ากับตัวผู้ขับขี่ แต่การปรับต้องคำนึงถึงการมองเห็นของผู้ขับขี่ด้วย ไม่ใช่ที่นั่งถูกหลักการยศาสตร์ แต่การมองเห็นไม่ดี
ท่าทางที่ดีในการนั่งขับรถ
ควรปรับที่นั่งขึ้นให้มองเห็นได้โดยรอบ จากนั้นเลื่อนเก้าอี้มาทางด้านหน้าจนเท้าสามารถควบคุมเบรก คันเร่งและคลัตช์ได้สะดวก ปรับความลาดเอียงของที่นั่งจนต้นขาสัมผัสกับที่นั่งทั้งหมด และต้องระวังไม่ให้มีแรงกดที่ด้านหลังของเข่ามากไป ไม่ควรปรับเก้าอี้เอนไปด้านหลังเกินไป แต่ควรปรับพนักพิงให้พิงได้จนถึงระดับไหล่ ปรับส่วนรองรับโค้งของหลังให้รู้สึกว่ามีแรงกดเท่ากันตลอดของหลังส่วนล่าง ถ้าไม่มีส่วนนี้อาจใช้หมอนเล็กหนุนหลังส่วนล่างแทนได้ และที่สำคัญปรับพวงมาลัยให้เข้ามาใกล้ตัวและดันลงให้อยู่ในระยะที่จับได้สะดวก
อย่างไรก็ตาม แม้จะนั่งขับรถได้ถูกท่าทางแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดอาการปวดหลัง ทางที่ดีที่ สุดควรหมั่นจอดรถพักทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อ ร่างกายได้ผ่อนคลาย ไม่เกร็งหรือตึงเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้นควรหมั่นบริหารร่างกายด้วยการยืนแอ่นหลัง ๑๐ วินาที ๒-๓ ครั้ง และเดินไปมาประมาณ ๕ นาที ถ้าจำเป็นต้องอยู่ในที่นั่งเกิน ๒ ชั่วโมง พยายามแอ่นหลังบ่อยๆ ในขณะนั่งขับรถ แต่ต้องดูความปลอดภัยเป็นหลักด้วยนะครับ หากเราป้องกันตัวเองและขับรถในท่าทางที่ถูกต้องรวมถึงความไม่ประมาท ก็จะทำให้ท่านสนุกกับการเดินทางและปลอดภัยจนถึงจุดมุ่งหมาย