นิตยสารรถ Weekly
แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ช่วยเก็บไฟฟ้า เพื่อจ่ายไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆบนรถยนต์ และที่สำคัญเป็นตัวจ่ายไฟฟ้าเพื่อสตาร์ทรถอีกด้วย ใครที่เคยเจอปัญหารถสตาร์ทไม่ติดเพราะแบตเตอรี่เสื่อม ดูจะเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวไม่เบา เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ โตโยต้านนทบุรีจะมาบอกวิธีการตรวจและเลือกใช้แบตเตอรี่กัน
เลือกขนาดแอมแปร์
แบตเตอรี่รถยนต์ต้องเลือกแอมแปร์ให้พอดีหรือมากกว่านิดหน่อย แบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมแปร์มากกว่า จะใช้งานได้ทนทานกว่าแบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมแปร์น้อยกว่า ดังนี้
- รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่อง 1200-1900 ซีซี อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 45-60 แอมป์
- รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่อง 2000-3000 ซีซี อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 60-75 แอมป์
- รถเก๋ง ยุโรป เครื่อง 2000-3000 ซีซี อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 75 แอมป์ ขั้วจม
- รถเก๋ง ยุโรป เครื่อง 2800-4000 ซีซี อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 แอมป์ ขั้วจม
- รถกระบะ เครื่อง 2000-3000 ซีซี อาจเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 70-90 แอมป์
เลือกประเภทของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่รถยนต์ปัจจุบันนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ
- แบตเตอรี่เปียก (กรดตะกั่ว) เป็นแบตเตอรี่ที่อายุการใช้งานยาวนานที่สุด และมีราคาถูกที่สุด แต่จำเป็นต้องตรวจเช็คระดับน้ำกรดอยู่เสมอ เพื่อให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
- แบตเตอรี่กึ่งแห้ง MF (maintenance free) จัดเป็นแบตเตอรี่แบบเปียกประเภทหนึ่งก็ได้ แต่ที่ต่างคือแบตเตอรี่นี้ถูกออกแบบให้มีการสูญเสียน้ำกลั่นน้อยมาก เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่มีการผสมแคลเซี่ยมลงในแผ่นธาตุ การระเหยจึงต่ำ ซึ่งตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่น แค่ 6 เดือนต่อครั้งก็เพียงพอ แต่ราคาจะสูงขึ้นในขณะอายุการใช้งานสั่นกว่าแบบเปียก
- แบตเตอรี่แบบแห้ง SMF (Sealed Maintenance Free Car Battery) ถูกออกแบบมาให้ไม่มีการสูญเสียน้ำกลั่นเลย เพราะมีการซิลเปิดไว้ทั้งตัวแบตเตอรี่แต่ราคาจะสูงกว่าทุกแบบและอายุการใช้งานก็น้อยที่สุดด้วย *แบตเตอรี่แห้งในประเทศเขตหนาวบางรุ่นจะใช้ซิลิโคนเจลแทนน้ำกลั่น