1. จอดรถในชั้นที่มีทางเข้าห้างฯเท่านั้น
ห้างสรรพสินค้าบางแห่ง อาจแบ่งที่จอดรถออกเป็นสองชั้น ต่อชั้นของตัวห้างฯ หนึ่งชั้น ทำให้เกิดเป็นชั้นครึ่งที่ไม่มีทางเข้าห้างโดยตรง จำเป็นต้องเดินขึ้น-ลงบันไดเพื่อไปยังชั้นที่มีทางเข้าตัวห้างฯ ซึ่งชั้นครึ่งเหล่านี้มักมีผู้คนเดินพลุกพล่านน้อยกว่าชั้นปกติ ทำให้หัวขโมย สามารถลงมือได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีควรเลี่ยงชั้นครึ่งเหล่านี้ ไปจอดชั้นที่มีทางเข้าห้างสรรพสินค้าแทนเสียจะดีกว่า อย่างน้อยก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมาช่วยเป็นหูเป็นตา
2. จอดรถใกล้ทางเข้าห้างฯมากที่สุด
นอกจากจะจอดรถในชั้นที่มีทางเข้าไปยังตัวห้างฯแล้ว ยังควรจอดรถใกล้กับประตู ห้างฯด้วย เนื่องจากเป็นจุดที่มีคนเดินผ่านอยู่แล้ว หากจอดรถไว้ที่ไกลๆ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยวและลับตาคน เพิ่มความเสี่ยงต่อการโจรกรรมมากยิ่งขึ้น
3. ตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าล็อคประตู
เจ้าของรถควรดับเบิ้ลเช็ค หรือตรวจสอบซ้ำทุกครั้งหลังล็อคประตูรถ ว่าถูกล็อค เรียบร้อยแล้วจริงๆ ด้วยการดึงมือเปิดประตูอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเปิดไม่ออก สำหรับรถบางรุ่นที่มีระบบ Keyless Entry ที่ใช้มือเปิดประตูแบบสัมผัส ก็เพียงก้มลงไปดูว่าตัวล็อคภายในถูกกดลง แล้ว เนื่องจากปัจจุบันหัวขโมยมีเครื่องมือที่สามารถส่งสัญญาณรบกวนคลื่นรีโมทของ รถ ซึ่งหากเจ้าของรถไม่ตรวจสอบอย่างรอบคอบ ก็อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้โดยง่าย
4. จอดรถในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ
การจอดรถในที่มืด ช่วยให้เหล่ามิจฉาชีพทำงานได้สะดวกขึ้น เนื่องจากโอกาสที่ จะถูกพบเห็นมีน้อยกว่า ทางที่ดีควรจอดในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพราะนอกจากตัวรถจะปลอดภัยขึ้นแล้ว ยังเพิ่มปลอดภัยต่อเจ้าของรถขณะอยู่เดินอยู่ในที่จอดรถอีกด้วย
5. เก็บของมีค่าให้มิดชิดที่สุด
ข้อนี้เป็นจุดที่คุณผู้หญิงส่วนใหญ่มองข้ามอยู่บ่อยๆ เนื่องจากบางคนมักเก็บ กระเป๋าถือไว้ใต้เบาะคนนั่ง แล้วปล่อยให้สายกระเป๋าโผล่ออกมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งหัวขโมยก็จะรู้ทันทีว่ามีของมีค่าอยู่ใต้เบาะแน่นอน ทางที่ดีควรเก็บสิ่งของประเภทกระเป๋า อุปกรณ์ราคาแพงต่างๆ หรือแม้แต่ถุงที่มี ลักษณะสวยงาม เช่น ถุงผ้าสักหลาด เอาไว้ในกระโปรงท้ายรถให้หมด ส่วนรถที่มีลักษณะแฮทช์แบ็คก็ควรปิดแผงบังตาไว้ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้โจรพบเห็นสิ่งของได้ง่าย