หลายคนคงเคยจอดรถ บนทาง ลาดชัน เช่น ในอาคารจอดรถ หรือ ทางลาดชั่นต่างต่าง เช่น สะพาน จุดสังเกตคือ เวลาเราจอดบนทางลาดชัน เราจะเข้าเกียร P เพื่อจอด เพื่อไม่ให้รถไหล หรือ จอดแบบยาวยาวหน่อย เวลาเราปล่อยเบรค ปุป รถจะไหลลงเพื่อให้เกียรมันลอค ไหลนิดนึง ที่นี้ เวลากลับเข้ามาคือ ตอนที่ เราเลื่อนจาก P มา ตำแหน่งเกียรอื่น มันจะเข้าเกียรยาก และ บางครั้งจะมีเสียงดัง จากเกียร์ เหมือนมันปลดล๊อคเกียร์ เพื่อเข้าเกียรตำแหน่งอื่น เป็นกันไหมครับ คันไหนไหน ก็เป็น ที่ใช่มา แก้ปัญหาแบบ นี้คือ ในขณะทีเข้าเกียร P เราต้องเหยียบเบรคไว้อยู่แล้ว พอเข้าเกียรเสร็จใช้ hand brake ดึงเลยครับ พอกลับมาก็เข้าเกียร์ได้แบบสบายเลย

การจอดในพื้นลาดชันแล้วใช้เกียร์ p เป็นตัวล๊อคล้อไม้ให้รถเคลื่อนตัว ทำบ่อยๆ เกียร์เสียหายแน่นอน เพราะเกียร์จะเป็นตัวรับน้ำหนักรถเอาไว้ เพื่อไม่ให้รถไหล ก่อนจอดในที่ลาดชันจึงจำเป็นต้องดึงเบรคมือให้รถไม่เคลื่อนตัวก่อนที่จะเข้าเกียร์ p กรณีที่จอดทางชันมาก เกียร์ย่อมมีการสึกหรอบ้างเล็กน้อย ไม่กังวลตรงนั้น เพราะเกียร์ P ไม่ได้ใช้ฟันเฟืองล็อคแบบเดียวกับที่เราใช้ๆ กัน (1-4) แต่ใช้สลักพิเศษขัดกับเฟืองในระบบ ส่วนที่กังวลคงเป็นยางแท่นเครื่องมากกว่า เพราะการใช้เกียร์ P บนทางชันเท่ากับการจับเครื่องบิดค้างไว้ ยางแท่นเครื่องจะรับแรงเค้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเหยียบเบรก ดึงเบรกมือให้สุด เข้าเกียร์ P แล้วค่อยๆ ถอนเบรกเท้า ถ้าหากรถไม่เคลื่อนตัว ก็แปลว่าเบรกมือทำหน้าที่ของมันอยู่ (ล็อคล้อหลัง) ส่วนเกียร์ P ก็แค่มีหน้าที่เป็นระบบล็อคล้อหน้าเสริมเข้าไป เผื่อมีการไหลของรถ เกียร์ P ก็จะทำหน้าที่ double safe ตรงนี้ไป

แต่หากทางชันมาก หรือเบรกมือเริ่มหลวมแล้ว ทำอย่างข้างบนแล้ว แต่รถยังเคลื่อนขยับตัวจนถึงหน้าที่ของเกียร์ P แล้ว (มีเสียงจากห้องเกียร์ดังกึ๊ก) นั่นแปลว่า ใช้แรงห้ามล้อจากเกียร์ล้วนๆ เบรกมือแทบไม่มีประโยชน์ครับ สลับหน้าที่เป็นแค่กำลังเสริมเท่านั้น หากสลักหลุด เบรกมือจะทำหน้าที่ชะลอรถให้ไหลช้าลงเท่านั้น

ถ้าจอดชั่วคราวทางชัน จะดึงเบรคมือนิดเดียวครับ ไม่ดึงเยอะ แต่ถ้าต้องไปจอดทิ้งไว้บนทางชันเล็กน้อย ดับเครื่องเข้าเกียร์ P ปกติ ไม่ใช้เบรคมือเก็บไว้ดึงตอนเข้าโค้งครับ ใช้บ่อยๆ สลิงดึงจะลื่น ต้องตั้งใหม่ เกียร์ P อยากใช้ก็ใช้ไปเถอะครับ อย่าอะไรเยอะแยะมากมาย จะว่าไปก็คล้ายๆกรณีเรื่องที่ว่า "ระหว่างแช่เกียร์ D เหยียบเบรก กับเปลี่ยนไปมา D>N>D อะไรสึกหรอกว่า"