10 สิ่งที่ต้องทำ หลังจากซื้อเครื่องยนต์มือสอง

นิตยสารรถ WEEKLY

ครื่องยนต์มือสองที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่โดยมากส่วนใหญ่ประมาณ80% เป็นเครื่องยนต์มาจากรถยนต์ที่มาจากญี่ปุ่น หรือบางท่านก็เรียกว่าเครื่องเซียงกง ดูจะเป็นที่นิยมสำหรับทั้งขาซิ่งที่ไปหาซื้อเครื่องยนต์ กำลังแรงมาวางใหม่แทนเครื่องยนต์เดิม และผู้ที่นิยมใช้อะไหล่มือสองตลอดไปจนถึงอู่ซ่อมรถ เหตุผลที่เครื่องยนต์มือสอง ได้รับความนิยมมากน่าจะเป็น เพราะราคาที่ถูกกว่าซื้อใหม่ แถมเครื่องยนต์เก่าบางตัวที่ติดมา กับรถนั้นยังมีสภาพเกือบ95%เสียด้วยซ้า เนื่องจากว่าที่ญี่ปุ่นรถที่เกิดอุบัติเหตุ หรือมีการเฉี่ยวชนจะถูกส่งเข้าเซียงกง ทางประกันจะไม่ซ่อมเพราะค่าซ่อม เพราะค่าซ่อมนั้นแพงกว่าการซื้อรถใหม่ ประกันจึงไม่ซ่อมให้ไม่ว่ารถนั้น จะซื้อมาไม่ถึงเดือนก็ตาม ทำให้อะไหล่ที่มาจากรถบางคันนั้น จึงมีสภาพเหมือนใหม่แถมราคานั้นยังถูกกว่ากัน แต่หลังจากซื้อเครื่องยนต์มาแล้วต้องทำอย่างไรบ้าง ครั้งนี้นายทีเจ้าเก่ากับเรื่องราวใหม่ๆ ก็มีวิธีการปฏิบัติหลังจากซื้อเครื่องยนต์มือสอง ใน10 รายการที่ต้องเปลี่ยน หลังจากซื้อเครื่องยนต์มือสองมาฝากกัน


1.ยางแท่นเครื่องและยางแท่นเกียร์
เมื่อซื้อเครื่องใหม่มายังไงก็มียางแท่นเครื่องติดมากับเครื่องอยู่แล้วถ้าเป็นเครื่องบล็อคเดียวกันไม่ได้เปลี่ยนบล็อคของเครื่องยนต์ก็สามารถใช้ได้หรือจะใช้ของเดิมก็ได้ แต่ถ้ายางแท่นเครื่องมีการฉีกขาดก็จัดการเปลี่ยนให้หมดครับทั้งยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นบางตัวจะทำให้ตัวที่เก่ากว่ามาทำให้ตัวที่ใหม่กว่าเสียหายอีกด้วย แต่ถึงยังไงก็แนะนำให้เปลี่ยนตอนเปลี่ยนเครื่องไปเลย จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินเสียเวลาอีกครับ


2.เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจำเป็นมากที่ต้องเปลี่ยนเสียใหม่ เปลี่ยนเพราะน้ำมันเครื่องที่ติดมากับเครื่อง เราไม่รู้ว่าได้ถูกใช้มานานแค่ไหนแล้ว และน้ำมันเครื่องที่ทาง เซียงกงเปลี่ยนมาโดยมากก็เป็นน้ำมันเครื่องเก่าที่ไว้ใช้สำหรับสตาร์ทเครื่องให้ลูกค้าดูเท่านั้นครับ


3.เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง
ควรจะเปลี่ยนไปพร้อมกันกับน้ำมันเครื่องเลยครับ แล้วหลังจากนั้นก็ให้เปลี่ยนครั้งเว้นครั้งหลังจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครับ


4.สายพานราวลิ้น (สายพานไทม์มิ่ง)
สายพานราวลิ้นเป็นอีกสิ่งที่นายทีถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าเกิดขาดขึ้นมาจะเกิดความเสียหายแก่เครื่องยนต์ได้มาก โดยปกติสายราวลิ้นจะมีอายุการใช้งานประมาณไม่เกิน 100,000 กม. แถมจุดนี้ยังเป็นจุดที่มองไม่เห็น ถ้าไม่เปิดออกมาดูเพราะจะมีฝาครอบปิดอยู่


5.ผ้าคลัตช์
ถึงแม้ผ้าคลัตช์เดิมจะมีสภาพดีอยู่นายทีก็แนะนำว่าก็ควรจะเปลี่ยนครับจะได้ไม่ต้องเสียค่าแรงยกเกียร์-เปลี่ยนคลัตช์อีกรอบเพราะยังไงก็รวมอยู่ในค่าแรงเปลี่ยนเครื่องอยู่แล้ว โดยเลือกเปลี่ยนผ้าคลัตช์เป็นของแท้จะดีที่สุด หรือจะนำแผ่นครัตซ์เดิมทำการอัดแผ่นคลัตซ์ใหม่ก็ได้ครับ


6.หัวเทียน
หัวเทียนก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องตรวจสอบว่ายังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้หรือไม่ เพราะหัวเทียนที่ผ่านการใช้งานมามากแล้วเขี้ยวของหัวเทียนจะสึกหรอ ถ้าสึกหรอมากจะทำให้การจุดระเบิดนั้น ไม่สมบูรณ์ ทำให้เครื่องเดินไม่ราบเรียบ และสะดุด ถ้าไม่แน่ใจว่าขนาดไหน ที่เรียกว่าเขี้ยวสึกมากก็เปลี่ยนไปเลย ดีกว่าครับราคาหัวละไม่เกินร้อยบาท


7.ไส้กรองเบนซิน
บางครั้งหาสาเหตุไม่เจอว่าทำไมเครื่องยนต์เดินสะดุดไม่ราบเรียบ หายังไงก็ไม่พบกว่าจะรู้ว่าเกิดจากกรองน้ามันเชื้อเพลิงตันก็เสียเวลาไปนานเลย ดังนั้นก็ควรเปลี่ยนเสียเลยดีกว่าเพราะเราไม่รู้ว่ากรองอุดตันหกรือไม่หรือมีสิ่งสกปรกเจือปน อยู่ในกรองเชื้อเพลิงเดิมหรือไม่ ถ้ามีอาจจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและอาจเกิดการเสียหายแก่เครื่องยนต์ได้ ราคาค่าไส้กรองก็ไม่แพงครับถ้าเป็นเครื่องยนต์ธรรมดาก็แค่ไม่กี่สิบบาท


8.สายพานไดชาร์ท สายพานแอร์
ควรตรวจสอบดูว่ามีร่องรอยการแตกร้าวที่ร่องด้านในหรือไม่ ถ้าเกิดมีก็ให้จัดการเปลี่ยนซะก่อนที่จะไปเสียในระหว่างเดินทางครับ ราคาของใหม่น่า จะอยู่ราวๆ 300-500 บาทครับ


9.ลูกปืนตลัตช์
เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้มีการตรวจสอบได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยการสังเกตุและประสบการณ์มากเลยทีเดียวจึงจะสามารถรู้ได้ว่าลูกปืนคลัตซ์หลวมแล้ว แต่ถึงฟังออกยังไงก็ต้องเสียเงินค่าแรงยกเกียร์ออกมาเพื่อเปลี่ยนลูกปืนไม่กี่ร้อยบาท คงไม่คุ้มกันแน่ๆ ดังนั้นผมว่าเปลี่ยนไป


10.ไส้กรองอากาศ
เพราะไส้กรองอากาศก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม การซื้อเครื่องยนต์เก่ามาใช้เมื่อเปิดหม้อกรองดูแล้วว่าสียังไม่ดำมากก็จริง แต่ก็ควรเปลี่ยนใหม่ครับ เพราะอาจจะมีฝุ่นหรือเศษโลหะที่เรามองไม่เห็นติดมา ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์ได้ครับ