
“SHARGE” ขึ้นแท่น Exclusive Partner รายเดียวในไทยของ “เรเว่ ออโตโมทีฟ” ผู้จัดจำหน่ายแบรนด์รถ EV ยักษ์ใหญ่ของโลก “BYD” เดินหน้าติดตั้ง EV Charger ให้ลูกค้ารถ BYD ถึงบ้านทุกคัน กระจายจุดชาร์จทุกโชว์รูม BYD ทั่วประเทศ ยกระดับ EV Infrastructure รองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคตลอด 24 ชั่วโมง วางแผนเชื่อมระบบแอปฯ SHARGE เข้ากับแอปพลิเคชัน Rêver Automotive อำนวยความสะดวกผู้ใช้รถ BYD เดินทางอย่างมั่นใจ เข้าถึงจุดบริการมากกว่า 1,000 หัวชาร์จทั่วไทย พร้อมตั้งเป้ายอดผู้ใช้แอปฯทะลุ 20,000 ราย หลังส่งมอบรถ BYD ATTO 3 ครบใน Q1/66 ประเมินสถานการณ์ยอดขายรถ EV ไทยจ่อโต 50% หลังค่ายรถจีน-ญี่ปุ่น-ยุโรป-อเมริกา แห่บุกตลาดต่อเนื่อง หนุนโอกาสชิงเค้กขึ้นสู่เบอร์ 1 ตลาด EV Charger คาดรายได้โตอย่างน้อย 200% ภายในปี 2566
“SHARGE” ชิงธงเบอร์ 1 ตลาด EV Charger ผนึก “เรเว่ ออโตโมทีฟ” ผู้จำหน่าย BYD
ติดตั้งจุดชาร์จถึงบ้านทุกคัน เชื่อมต่อแอปเรเว่ ค้นหา-จองชาร์จง่ายกว่า 1,000 หัวจ่ายทั่วไทย
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด หรือ Rêver Automotive ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นั่งและผู้ให้บริการหลังการขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Thailand Authorized Distributor) ของ บีวายดี (BYD) ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยักษ์ใหญ่จากจีน หนึ่งในแบรนด์รถ EV ชั้นนำของโลก โดยเรเว่ ออโตโมทีฟให้ SHARGE เป็นพันธมิตรการบริการที่เกี่ยวข้องกับ EV Charger ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.Showroom Installation ติดตั้ง EV Charger ให้กับโชว์รูมในระยะเปิดตัวของ BYD ทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนโชว์รูมใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อคอยอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ลูกค้าของ BYD
2.Home Installation เป็นพันธมิตรแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (Exclusive Partner) ในการติดตั้ง EV Charger ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ของ BYD ทุกคัน พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเพื่อให้การติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตอบโจทย์การชาร์จรถยนต์ที่บ้านระหว่างช่วงเวลาการพักผ่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาการชาร์จที่สำคัญที่สุด และ 3.Connecting with Application เป็นพันธมิตรรายแรกที่จะเชื่อมโยงระบบแอปพลิเคชันของ SHARGE เข้ากับแอปพลิเคชัน Rêver Automotive อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถค้นหา จองใช้บริการชาร์จรถ EV พร้อมชำระค่าบริการได้อย่างง่ายดาย ตามสถานีในปัจจุบันของ SHARGE ทั้งตามโชว์รูม ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานีบริการพลังงาน ฯลฯ รวมกว่า 200 แห่งทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง โดยคาดว่าบริษัทจะมีจำนวนหัวชาร์จเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1,000 หัวชาร์จ และมีจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชันของ SHARGE เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 8,000 คน เป็น 20,000 คน จากแผนการส่งมอบรถยนต์ BYD ให้ครบทั้งสิ้น 10,000 คัน ภายในไตรมาส 1/66
“ยิ่งตลาดรถยนต์ EV ขยายตัวเท่าไหร่ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV Ecosystem ยิ่งต้องเติบโตตาม โดยเฉพาะตลาด EV Charger เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ารถ EV ที่ใช้อยู่จะมีจุดชาร์จให้บริการที่สะดวกและเพียงพอในทุกเส้นทาง เราจึงมุ่งตอบสนอง Lifestyle Charging Ecosystem ของผู้บริโภคทั้งกลางวัน กลางคืน และระหว่างเดินทางตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรหลากอุตสาหกรรมให้ครอบคลุม Customer Journey รวมถึงพันธมิตรค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ EV โดยตรง และพัฒนาแอปพลิเคชัน SHARGE ให้ผู้ใช้รถ EV เข้าถึงบริการจุดชาร์จตามสถานที่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รองรับจำนวนผู้ใช้รถ EV ที่จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะสร้างโอกาสให้ SHARGE สามารถก้าวขึ้นสู่ผู้นำอันดับ 1 ในตลาด EV Charger ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าในปี 2566 บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตอีกอย่างน้อย 200%” นายพีระภัทร กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ EV ประเทศไทย ทั้งกลุ่มที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100% (Battery Electric Vehicle หรือ BEV) และกลุ่มที่สามารถขับเคลื่อนได้จากทั้งน้ำมันและแบตเตอรี่ไฟฟ้า (Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ PHEV) ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งผู้บริโภคและค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทุกสัญชาติ โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวรถ EV รุ่นใหม่จากทั้งค่ายฝั่งยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีนที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอยู่แล้ว ไม่น้อยกว่า 20 รุ่น รวมถึงมีค่ายรถยนต์ที่ไม่เคยทำตลาดรถยนต์นั่ง EV ในประเทศไทยหลากหลายสัญชาติ เข้ามาบุกตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ EV ในไทยปีนี้ จะรวมกันอยู่ที่ 63,000 คัน หรือเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงราว 50% ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทในการก้าวสู่เบอร์ 1 ในตลาด EV Charger
สำหรับ BYD Group เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ของจีน และเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ในมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก มุ่งพัฒนารถ EV ทั้งกลุ่มรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์เชิงพาณิชย์ ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของโลกสู่การใช้พลังงานสะอาด โดยในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2565 ทาง BYD Group มียอดขายกลุ่มรถยนต์ EV แบบปลั๊กอิน (Plugin EV)รวมกันทั่วโลกมากกว่า 1.62 ล้านคัน โดยเป็นรถ BEV สูงถึง 799,202 คัน ทำให้ BYD Group ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มียอดขายรถ EV สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด หรือ Rêver Automotive ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นั่งและผู้ให้บริการหลังการขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Thailand Authorized Distributor) ของ บีวายดี (BYD) ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยักษ์ใหญ่จากจีน หนึ่งในแบรนด์รถ EV ชั้นนำของโลก โดยเรเว่ ออโตโมทีฟให้ SHARGE เป็นพันธมิตรการบริการที่เกี่ยวข้องกับ EV Charger ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.Showroom Installation ติดตั้ง EV Charger ให้กับโชว์รูมในระยะเปิดตัวของ BYD ทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนโชว์รูมใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อคอยอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ลูกค้าของ BYD
2.Home Installation เป็นพันธมิตรแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (Exclusive Partner) ในการติดตั้ง EV Charger ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ของ BYD ทุกคัน พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเพื่อให้การติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตอบโจทย์การชาร์จรถยนต์ที่บ้านระหว่างช่วงเวลาการพักผ่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาการชาร์จที่สำคัญที่สุด และ 3.Connecting with Application เป็นพันธมิตรรายแรกที่จะเชื่อมโยงระบบแอปพลิเคชันของ SHARGE เข้ากับแอปพลิเคชัน Rêver Automotive อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถค้นหา จองใช้บริการชาร์จรถ EV พร้อมชำระค่าบริการได้อย่างง่ายดาย ตามสถานีในปัจจุบันของ SHARGE ทั้งตามโชว์รูม ออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานีบริการพลังงาน ฯลฯ รวมกว่า 200 แห่งทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง โดยคาดว่าบริษัทจะมีจำนวนหัวชาร์จเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1,000 หัวชาร์จ และมีจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชันของ SHARGE เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 8,000 คน เป็น 20,000 คน จากแผนการส่งมอบรถยนต์ BYD ให้ครบทั้งสิ้น 10,000 คัน ภายในไตรมาส 1/66
“ยิ่งตลาดรถยนต์ EV ขยายตัวเท่าไหร่ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV Ecosystem ยิ่งต้องเติบโตตาม โดยเฉพาะตลาด EV Charger เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ารถ EV ที่ใช้อยู่จะมีจุดชาร์จให้บริการที่สะดวกและเพียงพอในทุกเส้นทาง เราจึงมุ่งตอบสนอง Lifestyle Charging Ecosystem ของผู้บริโภคทั้งกลางวัน กลางคืน และระหว่างเดินทางตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านการสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรหลากอุตสาหกรรมให้ครอบคลุม Customer Journey รวมถึงพันธมิตรค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ EV โดยตรง และพัฒนาแอปพลิเคชัน SHARGE ให้ผู้ใช้รถ EV เข้าถึงบริการจุดชาร์จตามสถานที่ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รองรับจำนวนผู้ใช้รถ EV ที่จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะสร้างโอกาสให้ SHARGE สามารถก้าวขึ้นสู่ผู้นำอันดับ 1 ในตลาด EV Charger ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าในปี 2566 บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตอีกอย่างน้อย 200%” นายพีระภัทร กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ EV ประเทศไทย ทั้งกลุ่มที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้า 100% (Battery Electric Vehicle หรือ BEV) และกลุ่มที่สามารถขับเคลื่อนได้จากทั้งน้ำมันและแบตเตอรี่ไฟฟ้า (Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ PHEV) ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งผู้บริโภคและค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทุกสัญชาติ โดยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวรถ EV รุ่นใหม่จากทั้งค่ายฝั่งยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีนที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอยู่แล้ว ไม่น้อยกว่า 20 รุ่น รวมถึงมีค่ายรถยนต์ที่ไม่เคยทำตลาดรถยนต์นั่ง EV ในประเทศไทยหลากหลายสัญชาติ เข้ามาบุกตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ EV ในไทยปีนี้ จะรวมกันอยู่ที่ 63,000 คัน หรือเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึงราว 50% ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทในการก้าวสู่เบอร์ 1 ในตลาด EV Charger
สำหรับ BYD Group เป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ของจีน และเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ในมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก มุ่งพัฒนารถ EV ทั้งกลุ่มรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์เชิงพาณิชย์ ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของโลกสู่การใช้พลังงานสะอาด โดยในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2565 ทาง BYD Group มียอดขายกลุ่มรถยนต์ EV แบบปลั๊กอิน (Plugin EV)รวมกันทั่วโลกมากกว่า 1.62 ล้านคัน โดยเป็นรถ BEV สูงถึง 799,202 คัน ทำให้ BYD Group ขึ้นแท่นเป็นบริษัทที่มียอดขายรถ EV สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
