บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT ผู้นำในการให้บริการด้านการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยผลประกอบการครึ่งแรก ปี 2566 รายได้ 407.01ล้านบาท ลดลง 4.24% กำไรสุทธิ 39.26 ล้านบาท ลดลง 19.62% จากหมดสัญญาจ้างขนส่งระยะสั้นของลูกค้าบางรายและจากการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ในอนาคต ล่าสุดเริ่มดำเนินกิจการ Freight Forwarder ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ KIAT มีศักยภาพ คาดรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ในไตรมาส 3 มั่นใจรายได้รวมจากการขนส่งวัตถุอันตรายซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ยอดขายเคมีภัณฑ์ การติดตั้ง Guardian System ระบบป้องกันการหลับในและการละสายตาขณะขับขี่ และจากบริการ Freight Forwarder ธุรกิจน้องใหม่ล่าสุดของ KIAT จะเติบโตรวม 15% ภายในสิ้นปี 2566 นี้
นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT เปิดเผยว่า ผลประกอบการของ KIAT ครึ่งแรกของปี 2566 รายได้ 407.01 ล้านบาท ลดลง 18.14ล้านบาท หรือ4.24% กำไรสุทธิ 39.26 ล้านบาท ลดลง9.58ล้านบาท หรือ19.62% รายได้ที่ลดลงส่วนใหญ่เกิดจากธุรกิจขาย ซึ่งบริษัทฯ หันมาให้ความสนใจกับการขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่มีอัตราทำกำไรสูง มากกว่าเน้นปริมาณส่วนรายได้ขนส่งที่ลดลง เนื่องจากการหมดสัญญาจ้างขนส่งระยะสั้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้วางแผนรองรับรายได้ที่หายไป คือการได้งานขนส่งเกลือบริสุทธิ์จากบ่อเกลือที่นครราชสีมา ไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มูลค่าสัญญากว่า 480 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี เข้ามาทดแทนงานขนส่งเดิม บริษัทฯ จึงได้ลงทุนในรถฟลีทขนส่ง เพื่อรองรับงานข้างต้นให้กับ บริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AGC Vinythaiซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 โดยในไตรมาส 2 KIAT มีรายได้รวม179.60 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.07 ล้านบาท ลดลง32.39%โดยแบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้า 146.39ล้านบาทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน14.94%เนื่องจากบริษัทมีสัญญาบางสัญญาครบกำหนดรายได้ให้บริการอื่น ๆ ได้แก่ รายได้จากการให้เช่าสินทรัพย์ รายได้ให้บริการตรวจสอบพฤติกรรมคนขับรถของ Guardian System และดอกเบี้ยรับตามสัญญาเช่าซื้อ18.51ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 35.01%จากการต่อสัญญากับลูกค้ารายเดิม และรายได้จากการขายสินค้า 7.94ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน71.88%เนื่องจากบริษัทฯ หันมาให้ความสนใจกับการขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่มีอัตราทำกำไรสูงมากกว่าเน้นปริมาณการขาย
“ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ลดลง แต่ภาพรวมของธุรกิจในระยะกลางและระยะยาวมีแนวโน้มเติบโตทั้งจากบริการขนส่งที่เป็นธุรกิจหลัก นอกจากนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้ KIAT ได้ลงทุนในธุรกิจใหม่ด้าน“เฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์” (Freight Forwarder)ในการเป็นตัวแทนในการบริการนำเข้าและส่งออก ทั้งทางเรือและสายการบิน รวมถึงบริการด้านพิธีการศุลกากร (Customs Clearance) ที่ครอบคลุมการจัดเตรียมเอกสารต่างๆสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการนำเข้า-ส่งออก และเป็นตัวแทนในการตรวจปล่อยสินค้า หรือการเคลียร์สินค้า โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการส่งออกตู้ชงและจำหน่ายเครื่องดื่มร้อน-เย็นอัตโนมัติ และวัตถุดิบกว่า 600 ตู้ ไปยังออสเตรเลีย มาเลเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” นางสาวมินตรา กล่าว
นางสาวมินตรา กล่าวเพิ่มเติมว่า Freight Forwarderเป็นธุรกิจใหม่ล่าสุดของ KIAT ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทางเลือกในการบริการให้กับฐานลูกค้าเดิม ที่ปัจจุบันทำแค่การขนส่งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น เป็นการขยายงานการนำเข้าและส่งออก ทั้งทางน้ำและทางอากาศ โดยเป็นธุรกิจที่เน้นการลงทุนเพิ่มด้านบุคลากร และเครือข่ายที่ต้องมีการประสานงาน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่ต้องการมาตรฐานการบริการและการขนส่งระดับสูง พร้อมบริการนำเข้าและส่งออก โดยเป็นการต่อยอดธุรกิจของKIAT ที่ใช้ศักยภาพจากประสบการณ์ด้านการขนส่งสินค้า โดยการประสานกำลังจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้ว ด้วยการเชื่อมงานขนส่งทางรถและทางรางที่มีอยู่ปัจจุบัน ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ นำไปสู่การขนส่งทางน้ำและทางอากาศเพื่อให้ KIAT เป็น One Stop Logistics Solution อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี KIAT จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจน้องใหม่อย่าง Freight Forwarder ในไตรมาส 3เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจากการวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจและการหาโอกาสในการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ จะทำให้ KITA สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 15% ทั้งจากธุรกิจหลักอย่างการขนส่งวัตถุอันตราย ยอดขายเคมีภัณฑ์ การติดตั้ง Guardian System ระบบป้องกันการหลับในและการละสายตาขณะขับขี่ และจากบริการ Freight Forwarderธุรกิจใหม่ล่าสุด