TikTok ประกาศจับมือกับกรุงเทพมหานคร จัดพิธีลงนามบันทึก ความเข้าใจ (MOU) ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยผ่านการปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างองค์ความรู้สู่ การพัฒนาสังคม และสร้างความตระหนักรู้ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวคิดริเริ่ม 3 Smart ที่ครอบคลุมใน 3 มิติ
ทั้งด้านเศรษฐกิจ (Smart Economy) ด้านสังคม (Smart People) และด้านสิ่งแวดล้อม (Smart Environment)
ด้วยความมุ่งมั่นในการเปิดโอกาสและสร้างความเป็นไปได้ให้กับทั้งครีเอเตอร์ ธุรกิจ ตลอดจนสังคมไทย การจับมือกับกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ จะทำให้ TikTok สามารถช่วยผู้ประกอบการไทยปลดล็อกโอกาสต่างๆ บนแพลตฟอร์มเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล จากการเล็งเห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น TikTok จึงร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ผลักดันแนวคิด Smart Economy เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มผู้ขายในตลาดโบ๊เบ๊ หนึ่งในแหล่งขายเสื้อผ้าชื่อดังของกรุงเทพฯ ให้มีทักษะดิจิทัล ตลอดจนแบ่งปันความรู้ในการทำ คอนเทนต์ผ่าน TikTok Seller Academy เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยเหล่านี้ สามารถสร้าง คอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์และประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมทักษะทางดิจิทัลในกลุ่มเยาวชนไทยตามแนวคิด Smart People โดยในงานดังกล่าว TikTok และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันเปิดห้องเรียนคอมพิวเตอร์จำนวน 109 ห้อง พร้อมจัดอบรม ตลอดจนร่วมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้มี องค์ความรู้และทักษะทางคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นในการต่อยอดทางสายงานอาชีพในอนาคต
ด้วยการเล็งเห็นถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การลงนามความร่วมมือนี้จึงทำให้ TikTok สามารถสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาทางสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ด้วยแนวคิด Smart Environment ผ่าน การผนึกพลังกับพันธมิตรเพื่อเปิดตัวแคมเปญต่างๆ เช่น “REact For Changes ลองเปลี่ยนโลก” เพื่อสร้าง แรงบันดาลใจนำไปสู่การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนการสร้างสรรค์
คอนเทนต์รักษ์โลกภายใต้แนวคิด Refill-Recheck-Recycle บนแพลตฟอร์ม ตลอดจนการทำ hashtag challenge #ไม่เทรวม ที่ช่วยลดจำนวนขยะได้สูงถึง 52 ตัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน หรือ 94 ตัน ภายใน 3 เดือน
นางชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy - Thailand, TikTok กล่าวว่า "จากการประกาศคำมั่นสัญญาของ TikTok ที่มีต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านโครงการสนับสนุนท้องถิ่น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา TikTok จึงมุ่งมั่นเดินหน้าในการขับเคลื่อนสังคมอย่างรอบด้าน โดยครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และ ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการลงนามควา มร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ในครั้งนี้จะสามารถช่วยให้เราสามารถประสบความสำเร็จตามคำมั่นสัญญาในการปลดล็อกโอกาสต่างๆ ที่มีอยู่ บนแพลตฟอร์มมากมายในทุกมิติตามแนวคิด Smart Economy, Smart People และ Smart Environment อย่างครบถ้วน"
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า "เมืองจะน่าอยู่ได้ด้วยปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้ คือ 1. เรื่องคุณภาพของคน หัวใจของเมืองอยู่ที่ ‘คน’ การที่เมืองมีคนดีคนเก่งอยู่มากๆ ก็จะช่วยกันพัฒนาเมืองและพัฒนาบริการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นได้ 2. เรื่องเศรษฐกิจ คนในเมืองมีอาชีพ การค้าการขายคล่องตัว ยิ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เกิดการค้าการลงทุน เกิดบรรยากาศของการเดินทาง-ท่องเที่ยวที่คึกคัก และกระตุ้นให้เศรษฐกิจของเมืองมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น 3. เรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสุขภาพ และคนในเมืองร่วมแรงร่วมใจกันทำให้เมืองมีความสะอาด สดชื่น สวยงาม ใช้ชีวิตด้วยความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
นายชัชชาติ กล่าวย้ำ “TikTok Shop ถือเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เปิดโอกาสให้พ่อค้าแม่ขาย ไม่ว่าจะมีหน้าร้านหรือไม่ สามารถค้าขายได้ตลอดเวลาทั้งวัน ไม่ได้มี Gatekeeper เหมือนตลาดแบบออฟไลน์ทั่วไปที่มีเวลาเข้าออก อีกทั้งยังสามารถนำเสนอสินค้าได้อย่างหลากหลาย พร้อมเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าได้มากมายไม่จำกัด เพิ่มโอกาสในการค้าขายรูปแบบใหม่ซึ่งจะช่วยผลักดันเรื่องเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ค้าในย่านโบ๊เบ๊ - มหานาค มากกว่า 100 ร้านค้า ที่สมัครเข้ามาร่วมเปิดร้านกับ TikTok ซึ่งเป็นการนำร่องในเฟสแรกนี้ ก่อนจะขยายไปยังกลุ่มผู้ค้าอื่นๆ ต่อไป โดยทาง TikTok ได้เตรียมที่จะจัดอบรมและให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนจนสามารถเปิดร้านได้ พร้อมเตรียมสิทธิพิเศษต่างๆ ให้อีกด้วย"
การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง TikTok และกรุงเทพมหานครในครั้งนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของTikTok ในการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มที่มอบทั้งความบันเทิงอย่างมีความรับผิดชอบ ปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจและ ส่งมอบโอกาสให้กับทุกภาคส่วน เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ สังคม ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน