911 จีที3 (911 GT3) ใหม่และ 911 จีที3 (911 GT3) แพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) รถสปอร์ตที่ยอดเยี่ยมบนท้องถนนที่พร้อมใช้ในสนามแข่ง

 



  • 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร ที่ไม่ใช้ระบบเทอร์โบอัดอากาศ ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้น และอัตราทดเกียร์ที่สั้นลง

  • 911 จีที3 (911 GT3) แพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) มีระบบเบาะหลังให้เลือกเป็นออฟชั่นได้ครั้งแรก

  • ปรับแต่งได้มากยิ่งขึ้นด้วยแพ็กเกจ Weissach หรือ Leichtbau

  • เบาะนั่งแบบสปอร์ตน้ำหนักเบาใหม่ พร้อมฟังก์ชันพับได้


911 จีที3 (911 GT3) ได้นำเสนอการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบระหว่างการแข่งขันและความสะดวกสบายในการขับขี่ในชีวิตประจำวันตั้งแต่เปิดตัวในปี 1999 เพื่อการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี 911 จีที3 (911 GT3) รุ่นใหม่นี้จะเปิดตัวพร้อมกันถึง 2 เวอร์ชันเป็นครั้งแรก นั่นคือในรูปแบบรถสปอร์ตที่เน้นการแข่งขันมาพร้อมปีกหลัง และอีกหนึ่งรูปแบบที่เรียบง่ายกว่า มาพร้อมแพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) ด้วยแพ็กเกจที่ออกแบบเฉพาะและมีออฟชั่นนวัตกรรมต่างๆ รถจีที3 (GT3) แต่ละรุ่นสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมตามรสนิยมและการใช้งานตามความต้องการของลูกค้าได้

สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่ (Porsche) เปิดตัว 911 จีที3 (911 GT3) รุ่นใหม่ รถสปอร์ตที่พร้อมสำหรับสนามแข่งอย่างแท้จริง ซึ่งเปิดตัวในปีครบรอบด้วยกลยุทธ์น้ำหนักเบา เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ขนาด 4.0 ลิตร แบบไม่ใช้ระบบเทอร์โบอัดอากาศ ที่มีพละกำลังถึง 375 กิโลวัตต์ (510 แรงม้า) และแรงบิด 450 นิวตันเมตร พร้อมตัวเลือกใหม่ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นหลัก แพ็กเกจ Weissach ซึ่งมีให้เลือกเป็นครั้งแรกใน 911 จีที3 (911 GT3)คือการเสนอทางเลือกการปรับแต่งเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานในสนามแข่ง นอกจากนี้ รถสปอร์ตนี้ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงออฟชั่นอื่น ๆ ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความสปอร์ตอีกด้วย


911 จีที3 (911 GT3) มาพร้อมการออกแบบที่ทันสมัย


โมเดลใหม่ของ 911 จีที3 (911 GT3)มาพร้อมกับการออกแบบที่เฉียบคมขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงระบบอากาศพลศาสตร์ที่ปรับแต่ง ในทั้ง 2 เวอร์ชัน กันชนหน้าที่ปรับรูปทรงใหม่ ปีกสปอยเลอร์ที่ได้รับการปรับปรุง และการเปลี่ยนแปลงฟินส์ใต้รถ ช่วยเพิ่มแรงกดและเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ ไฟหน้า Matrix LED ที่ออกแบบใหม่ ซึ่งมีให้เลือกใน 911 จีที3 (911 GT3)พร้อมวงแหวนสีขาวแบบออฟชั่น รวบรวมฟังก์ชันไฟส่องสว่างทั้งหมดของ 911 และช่วยลดความจำเป็นในการติดตั้งไฟเพิ่มเติมที่กันชนหน้า ทำให้พื้นที่สำหรับการดูดอากาศมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีลักษณะที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ในส่วนท้ายรถได้ปรับการออกแบบของกันชนหลัง ช่องนำอากาศ และฝาครอบหลัง ส่วนปีกหลังของ 911 จีที3 (911 GT3)มาพร้อมกับแผ่นข้างที่ให้มุมมองใหม่


ปอร์เช่ (Porsche) ใช้ปีกนก (Trailing arm) ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ โดยมีรูปทรงหยดน้ำ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงกดอากาศบริเวณซุ้มล้อเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง และช่วยระบายความร้อนของเบรกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าแรงกดอากาศระหว่างล้อหน้าและล้อหลังยังคงสมดุลอยู่เสมอ แม้ในขณะเบรกจากความเร็วสูง วิศวกรด้านระบบกันสะเทือนได้ลดการเคลื่อนไหวและการโยนตัวของรถ (antidive) ในปอร์เช่ 911 จีที3 (911 GT3) รุ่นใหม่ จุดยึดลูกหมากด้านหน้าของแขนด้านล่างถูกย้ายลงมาให้ต่ำลงเพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยการปรับปรุงเหล่านี้ได้รับมาจากปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์เอส (911 GT3 RS) รุ่นปัจจุบัน ปอร์เช่ 911 จีที3 (911 GT3) มาพร้อมกับยางสปอร์ตขนาด 255/35 ZR 20 (ด้านหน้า) และ 315/30 ZR 21 (ด้านหลัง) ที่มีการยึดเกาะถนนเปียกที่ดียิ่งขึ้น และยังมีตัวเลือกยางสำหรับใช้ในสนามแข่งที่สามารถใช้งานบนถนนได้อีกด้วย


แพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) มีพร้อมให้เลือกและสามารถปรับแต่งได้มากยิ่งขึ้น


ด้วยการเปลี่ยนโมเดล ปอร์เช่ (Porsche) ได้กำหนดความเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น 911 จีที3 (911 GT3) ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นครั้งแรกที่แพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) ที่ได้รับความนิยมนี้ จะมีพร้อมให้คุณเลือกได้ตั้งแต่วันที่เปิดตัว ชื่อ “แพ็กเกจทัวริ่ง (Touring)” มาจากรุ่นอุปกรณ์ของ 911 คาร์เรร่า อาร์เอส 2.7 (911 Carrera RS 2.7) ในปี 1973 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม GT3 ตั้งแต่ปี 2017 ใน 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ รุ่นนี้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยมีโลโก้ “911 GT3 touring” บนกริดฝาหลัง 911 จีที3 (911 GT3) พร้อมแพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) จะไม่มีปีกหลังแบบถาวร ทำให้สามารถรักษาเส้นสายอันสง่างามของ 911 ไว้ได้ ปีกหลังที่สามารถขยายได้พร้อมขอบที่สามารถดึงออกได้ Gurney flap และการออกแบบฟินที่ปรับแต่งบริเวณใต้ท้องรถ ช่วยให้เกิดสมดุลทางอากาศพลศาสตร์ ส่วนภายในมีการตกแต่งด้วยหนังคุณภาพสูงและให้ความรู้สึกสปอร์ตแบบคลาสสิก เป็นครั้งแรกที่ 911 จีที3 (911 GT3)  แพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) มีระบบเบาะหลังให้เลือกติดตั้งเป็นออฟชั่นเสริม ซึ่งช่วยให้รถสปอร์ตที่ใช้งานในชีวิตประจำวันสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้า เพื่อมอบความสนุกสูงสุดในการขับขี่ วอลเตอร์ โรห์ล (Walter Röhrl) แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ปอร์เช่ (Porsche brand ambassador) กล่าวว่า “เมื่อขับรถบนถนนที่คดเคี้ยว คุณจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระบบบังคับเลี้ยวได้ถูกปรับแต่งให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจต่อตัวรถมากขึ้น และอัตราทดเกียร์ที่สั้นลง ช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่บนท้องถนนเป็นอย่างมาก”

การออกแบบเพื่อหลักการน้ำหนักเบาทั่วทั้งคัน


น้ำหนักโดยรวมที่เบาลงช่วยเสริมการบังคับเลี้ยวที่คล่องตัวและแม่นยำของ 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ เพราะ 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่นี้ เน้นการออกแบบเพื่อน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ล้ออะลูมิเนียมสีเงินใหม่ช่วยลดน้ำหนักได้มากกว่า 1.5 กิโลกรัมเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ส่วนล้อแมกนีเซียมสามารถเลือกได้ในแพ็กเกจ Weissach หรือแพ็กเกจ Leichtbau (น้ำหนักเบา) ซึ่งช่วยประหยัดน้ำหนักได้ถึง 9 กิโลกรัม แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนน้ำหนักเบาขนาด 40 Ah ยังช่วยให้ตัวถังมีสมรรถนะดีขึ้น และลดน้ำหนักลงได้ประมาณ 4 กิโลกรัม ในการตั้งค่าที่เบาที่สุด 911 จีที3 (911 GT3)  ใหม่นี้มีน้ำหนักเพียง 1,420 กิโลกรัม


อัตราทดเกียร์ที่สั้นลง 8 เปอร์เซนต์


เครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตรแบบไม่ใช้ระบบเทอร์โบอัดอากาศใน 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ ถูกออกแบบมาให้ตรงตามมาตรฐานการปล่อยไอเสียที่เข้มงวดมากขึ้นในปัจจุบัน และติดตั้งด้วยตัวกรองอนุภาค 2 ตัวและตัวแปลงสภาพไอเสีย 4 ตัว ด้วยระบบควบคุมการปล่อยมลพิษที่มีประสิทธิภาพสูงนี้ ปอร์เช่ (Porsche) ยังคงมอบเสียงท่อไอเสียที่ดึงดูดใจ ด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์แบบ 6 สูบที่ได้รับการปรับแต่งผ่านมาตรการต่างๆ โดยมีการปรับปรุงหัวสูบ และเพลาลูกเบี้ยวที่คมชัดจาก 911 จีที3 RS (911 GT3 RS) ช่วยให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้นในช่วงความเร็วรอบสูงของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังใช้วาล์วเร่งแบบแยกเดี่ยวที่ออกแบบให้มีการไหลเวียนได้ดีขึ้นและใช้ออยคูลเลอร์ที่ออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ยังคงให้กำลัง 375 กิโลวัตต์ (510 แรงม้า) ซึ่งหมายความว่าเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงใหม่จะต้องขับเคลื่อนน้ำหนักเพียง 3.8 กิโลกรัม (2.8 กิโลกรัม/แรงม้า) ในการตั้งค่ารถที่เบาที่สุด นอกจากนี้ ทั้งระบบเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด (PDK) และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด GT มีอัตราทดเกียร์สุดท้ายที่สั้นกว่ารุ่นก่อนถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลือกเกียร์ทั้ง 2 มีให้เลือกทั้ง 911 จีที3 (911 GT3) และ 911 จีที3 (911 GT3) พร้อมแพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ เร่งความเร็วถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 3.4 วินาทีเมื่อใช้ PDK และมีความเร็วสูงสุดที่ 311 กิโลเมตร/ชั่วโมง (เกียร์ธรรมดา: 3.9 วินาที; 313 กิโลเมตร/ชั่วโมง) โจร์ก แบร์กไมสเตอร์ (Jörg Bergmeister) แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ปอร์เช่ (Porsche brand ambassador) กล่าวว่า “บนสนามแข่ง 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ สามารถควบคุมได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเจอพื้นผิวขรุขระหรือขับผ่านขอบทาง เพราะมันมีความเสถียรมากขึ้นและมีสมรรถนะที่ดีขึ้น ต้องขอบคุณการปรับแต่งโช้คอัพ ระบบกันสะเทือนได้ลดการเคลื่อนไหวและการโยนตัวของรถเมื่อเบรกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รถมีความสมดุลและเสถียรมากขึ้นบนทุกสภาพพื้นถนน”


 


นวัตกรรมใหม่ด้วยเบาะนั่งแบบสปอร์ตน้ำหนักเบา


สำหรับ 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ มีเบาะนั่งแบบสปอร์ตน้ำหนักเบาแบบใหม่ที่มาพร้อมกับพนักพิงพับได้และที่หุ้มเบาะทำจาก CFRP ซึ่งสามารถเลือกติดตั้งได้ เบาะนั่งนี้ติดตั้งถุงลมนิรภัยที่บริเวณทรวงอก ระบบปรับความสูงแบบไฟฟ้า และการปรับยาวแบบแมนนวล มีระบบทำความร้อนที่เบาะ 3 ระดับให้เลือกเป็นออฟชั่น ส่วนหนึ่งของพนักพิงศีรษะสามารถถอดออกได้ ซึ่งรองรับความสะดวกสบายของผู้ขับขี่เมื่อสวมหมวกกันน็อคขณะใช้งานในสนามแข่ง ฟังก์ชันการพับพนักพิงสามารถใช้งานได้โดยใช้ห่วง ซึ่งช่วยให้เข้าถึงเบาะหลังที่มีเป็นออฟชั่นครั้งแรกใน 911 จีที3 (911 GT3) แพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งเบาะ Adaptive Sports Seats Plus ที่ปรับไฟฟ้าได้ 18 ทิศทางเป็นออฟชั่นได้อีกด้วย


ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่งสีดำมาตรฐานใน 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ มีพื้นฐานมาจากการออกแบบของโมเดล 911 รุ่นปัจจุบัน แต่แตกต่างจากโมเดลคาร์เรร่า ตรงที่ 911 จีที3 (911 GT3)  ไม่สตาร์ทรถด้วยการกดปุ่ม แต่ยังคงมีสวิตช์สตาร์ทโดนใช้มือหมุน โรล์บาร์มีให้เลือกติดตั้งได้ เพื่อเพิ่มความรู้สึกของมอเตอร์สปอร์ต แผงหน้าปัดดิจิทัลที่อยู่ตรงกลางช่วยผู้ขับขี่ด้วยการแสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจน การใช้โทนสีที่ตัดกันทำให้สามารถอ่านรอบเครื่องยนต์และนาฬิกาจับเวลาได้อย่างรวดเร็ว โหมดการแสดงผล “Track Screen” จะลดการแสดงผลดิจิทัลทางซ้ายและขวาของหน้าปัดรอบเครื่องยนต์ให้เหลือข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยาง น้ำมัน น้ำ และเชื้อเพลิง พร้อมแสดงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนเกียร์ให้กับผู้ขับขี่ผ่านการกระพริบของไฟเปลี่ยนเกียร์ หากต้องการ ผู้ขับขี่สามารถหมุนการแสดงผลรอบเครื่องยนต์เพื่อให้ความเร็วตัดที่ 9,000 รอบ/นาที อยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา


แพ็กเกจเฉพาะสำหรับ 911 จีที3 (911 GT3) และ 911 จีที3 ทัวริ่ง (Touring)


ปอร์เช่นำเสนอแพ็กเกจอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับ 911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ ด้วยแพ็กเกจ Weissach ที่มีให้เลือกเป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยให้ 911 จีที3 (911 GT3) ปรับแต่งได้มากยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานในสนามแข่ง บาร์กันโคลง ก้านข้อต่อ และแผ่นกันสั่นบนเพลาหลังทำจาก CFRP เช่นเดียวกับหลังคา แผ่นด้านข้างของปีกหลัง ฝาครอบด้านบนของกระจกมองข้าง สามเหลี่ยมกระจก และช่องลมที่ด้านหน้า การตกแต่งด้วยหนังและวัสดุ Race-Tex เพิ่มความสวยงามให้กับภายใน เป็นครั้งแรกที่ด้านบนของแผงหน้าปัดใน 911 จีที3 (911 GT3) ได้รับการปกคลุมด้วยวัสดุที่กันแสงสะท้อน Racetex ที่จับประตูจาก CFRP และตาข่ายเก็บของช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแผงประตูภายในเพื่อการออกแบบน้ำหนักเบา โรลเคจ CFRP และล้อแมกนีเซียมน้ำหนักเบามีให้เลือกเป็นออฟชั่น


สำหรับ 911 จีที3 (911 GT3) ที่มาพร้อมแพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) ปอร์เช่ (Porsche) มีแพ็กเกจ Leichtbau (น้ำหนักเบา) ให้เลือก โดยหลังคาที่ทาสีตามสีตัวถัง รวมถึงสเตบิไลเซอร์ ก้านข้อต่อ และแผ่นกันสั่นบนเพลาหลังทำจาก CFRP ล้อแมกนีเซียมน้ำหนักเบาและแผงประตูน้ำหนักเบาก็เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจนี้ ร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด GT ที่เป็นมาตรฐาน ก้านเปลี่ยนเกียร์ที่สั้นลงจาก 911 S/T จะถูกนำมาใช้ ด้านหน้าของก้านเปลี่ยนเกียร์มีป้ายที่ระบุคำว่า “Leichtbau” เพื่อบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของแพ็กเกจนี้


สำหรับ 911 จีที3 (911 GT3) ที่มาพร้อมปีกหลัง แพ็กเกจ Clubsport สำหรับการใช้งานในสนามแข่งจะมีให้เลือกโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงโครงเหล็กที่ติดตั้งด้านหลัง เข็มขัดนิรภัย 6 จุดสำหรับผู้ขับขี่ และถังดับเพลิงแบบมือถือ เบาะนั่งแบบสปอร์ตน้ำหนักเบาที่เป็นออฟชั่น เป็นอุปกรณ์เบื้องต้นสำหรับแพ็กเกจนี้


แอนเดรียส โพรนิงเกอร์ (Andreas Preuninger) ผู้บริหารสานงานรถยนต์ GT กล่าวว่า “911 จีที3 (911 GT3) ใหม่ ขึ้นแท่นเป็นรถที่น่าตื่นเต้นและมีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น เราได้ใส่ใจในรายละเอียดมากมายและเพิ่มคุณสมบัติที่ลูกค้าของเราต้องการ ซึ่งทำให้ จีที3  (GT3)  สามารถปรับแต่งได้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือความชอบของผู้ขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น”


นาฬิกาจับเวลาสุดเอ็กคลูซีฟ กลายมาเป็นความสปอร์ตบนข้อมือ


สำหรับเจ้าของ 911 จีที3 (911 GT3) และ 911 จีที3 (911 GT3) ทัวริ่ง (Touring) ปอร์เช่ ดีไซน์ (Porsche Design) นำเสนอไทม์พีซอันแสนพิเศษที่ถ่ายทอดการออกแบบและสมรรถนะของรถสปอร์ตไปยังข้อมือ นาฬิกาจับเวลาของ 911 จีที3 (911 GT3) และ 911 จีที3 (911 GT3) ทัวริ่ง (Touring) มาพร้อมกับกลไกที่แม่นยำซึ่งได้รับการรับรอง COSC คือ Porsche Design WERK 01.200 ที่มีฟังก์ชัน flyback ตัวเรือนที่ทำจากไทเทเนียมซึ่งมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ สามารถเลือกเคลือบคาร์ไบด์ไทเทเนียมสีดำได้ ผสมผสานการออกแบบรถสปอร์ตเข้ากับการผลิตนาฬิกาที่ทันสมัย หน้าปัดดีไซน์ GT3 ที่มีการตกแต่งด้วยสีเหลืองและโครงสร้างหกเหลี่ยมช่วยสะท้อนถึงแผงหน้าปัดของรถ ขณะที่โรเตอร์หมุนถูกออกแบบให้คล้ายกับล้อของ GT3 วงแหวนหน้าปัดมีให้เลือกตามสีตัวถังทั้งหมดของ 911 จีที3 (GT3) และแพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) รวมถึงสีในโปรแกรม Paint to Sample สายนาฬิกาที่ทำจากหนังภายในของปอร์เช่และด้าย ยังถูกปรับให้เข้ากับการตกแต่งของรถแต่ละคันอีกด้วย


 


ในประเทศไทย ปอร์เช่ 911 จีที3 (Porsche 911 GT3) ใหม่และปอร์เช่ 911 จีที3 (GT3) ที่มาพร้อมแพ็กเกจทัวริ่ง (Touring) มีราคาเริ่มต้นที่ 21.4 ล้านบาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการปอร์เช่ทุกสาขา


 


ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงสื่อประชาสัมพันธ์ วิดีโอ และภาพถ่าย ได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com


 


 


911 GT3 (WLTP): อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 7.25 – 7.30กิโลเมตรต่อลิตร (13.8 – 13.7 ลิตรต่อ100 กิโลเมตร)


อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 312310กรัมต่อกิโลเมตร; CO2คลาส: จี


 


911 GT3 with Touring Package (WLTP): อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงเฉลี่ย: 7.25 – 7.30กิโลเมตรต่อลิตร (13.8 – 13.7 ลิตรต่อ100 กิโลเมตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย (CO2): 312 – 310 กรัมต่อกิโลเมตร; CO2คลาส: จี


เมื่อค่าการบริโภคและการปล่อยไอเสียระบุเป็นช่วง จะไม่ได้หมายถึงรถยนต์เฉพาะเจาะจงและไม่เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่เสนอ แต่มีไว้เพื่อเปรียบเทียบระหว่างประเภทของรถยนต์ที่แตกต่างกัน อุปกรณ์และอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม (เช่น ชิ้นส่วนเสริม, ประเภทยาง เป็นต้น) สามารถเปลี่ยนแปลงพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เช่น น้ำหนัก, ความต้านทานการหมุน และอากาศพลศาสตร์ ปัจจัยเหล่านี้ รวมถึงสภาพอากาศ, สภาพการจราจร และพฤติกรรมการขับขี่ สามารถมีผลต่อการบริโภคเชื้อเพลิง/ไฟฟ้า, การปล่อย CO2, ระยะทาง และค่าประสิทธิภาพของรถยนต์