รถจักรยานยนต์ Bonneville T120 และ Bonneville T120 Black นับเป็น 2 พระเอกสำคัญของตระกูล Bonneville ของไทรอัมพ์มาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน โดยสองรุ่นนี้ได้รับการยอมรับในฐานะพี่ใหญ่ของไลน์โมเดิร์นคลาสสิก ด้วยเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา ผสานเข้ากับเทคโนโลยีและสมรรถนะได้อย่างลงตัว จึงทำให้เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมจากไบค์เกอร์ทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยความโดดเด่นของ Bonneville ไม่ได้มีเพียงรูปลักษณ์ที่คลาสสิกและงดงามเท่านั้น แต่ยังสะท้อนมรดกทางประวัติศาสตร์ของไทรอัมพ์ที่สืบทอดยาวนาน ตั้งแต่จิตวิญญาณแห่ง “Bonneville” ที่ถือกำเนิดขึ้นจากการประลองความเร็วบน Bonneville Salt Flats ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1959 ซึ่งได้ถูกส่งต่อมาสู่ดีเอ็นเอบนตัวรถที่ยังคงปรากฏชัดในทุกรุ่นจนถึงวันนี้ ทำให้การครอบครอง Bonneville T120 และ Bonneville T120 Black ไม่ใช่แค่การสะท้อนการเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์เท่านั้น แต่คือการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ และความภาคภูมิใจที่ถ่ายทอดผ่านทุกรายละเอียดของรถ ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนได้อินกับไลฟ์สไตล์และเรื่องราวสุดแสนคลาสสิกเหล่านี้มากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาไปดู 3 จุดเด่นของBonneville T120 และ Bonneville T120 Black ที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาและรับรองได้ว่าทุกคนจะต้องรู้สึกอยากขับขี่ด้วยตัวเองสักครั้ง
.jpg)
ขุมพลังแรงบิดมหาศาลจากเครื่องยนต์ Bonnevilleสูบคู่ 1200 CC
หัวใจสำคัญของ Bonneville T120 และ BonnevilleT120 Black คือ เครื่องยนต์ Bonneville สูบคู่ขนาด 1200 ซีซีรุ่นปรับปรุงจะมีน้ำหนักเบาลงและตอบสนองได้ไวขึ้น ยังส่งมอบแรงบิดมหาศาล ในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้คุณสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่พร้อมตอบสนองในทุกจังหวะการบิดคันเร่ง เพิ่มขึ้นอย่างนุ่มนวลจนถึงค่าสูงสุด 105Nm ที่รอบเครื่องเพียงแค่ 3,500 rpm และยาวไปจนถึงกำลังสูงสุด 80PS ที่ 6,550rpm เสียงกระหึ่มเร้าใจอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยจังหวะการจุดระเบิด 270 องศา มอบฟีลลิ่งการขับขี่ที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นที่หลงใหลของเหล่าไบค์เกอร์ทั่วโลก
.jpg)
ดีไซน์ Bonneville ที่โดดเด่นเหนือกาลเวลา ต้นแบบรถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง
ทั้ง Bonneville T120 และ BonnevilleT120 Black มีรูปลักษณ์และสไตล์แบบดั้งเดิมของ Bonneville ในตำนาน มาพร้อมกับงานพื้นผิวแบบโมเดิร์นสุดพรีเมียม ความสามารถสูงขึ้น คุณลักษณะที่โดดเด่นในทุก ๆ ด้าน โดยทั้งสองรุ่นได้รับการติดตั้งชิ้นส่วนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งล้วนผ่านการออกแบบทางวิศวกรรมมาอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อความเป็นสุดยอดรถจักรยานยนต์โมเดิร์นคลาสสิก แผงหน้าปัดนาฬิกาแบรนด์ Bonneville สามารถแสดงผลข้อมูลทั้งแบบอะนาล็อกและดิจิทัลผสมผสานกันได้อย่างชัดเจน เอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านดีไซน์ที่สำคัญของ Bonneville ได้แก่ ถังน้ำมันเชื้อเพลิง 14.5 ลิตร ซึ่งมีตราสัญลักษณ์ติดตัวถังเหล็ก 3 ขีดทรงคลาสสิกชุบโครเมียมพร้อมเส้นขอบตัดวาดด้วยมือ เพื่อให้งานพื้นผิวมีความพรีเมียม ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของไทรอัมพ์
เทคโนโลยีสเปคสูง เพื่อความมั่นใจและความสะดวกสบายในทุกการขับขี่
แม้จะมาพร้อมสไตล์คลาสสิก แต่ T120 และ T120 Black ก็เพียบพร้อมไปด้วย เทคโนโลยีสเปคสูง ที่ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยมีทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยปุ่มเดียวที่ใช้งานง่าย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดความเหนื่อยล้าให้ผู้ขับขี่ในระหว่างเดินทางไกลได้ โหมดการขับขี่ก็ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยโหมด Road และ Rain เช่นเดียวกับระบบควบคุมความเร็วคงที่ ปุ่มโหมดการขับขี่ก็ได้รับการติดตั้งลงในสวิตช์ควบคุมด้านซ้ายมืออย่างสวยงาม เพื่ออำนวยความสะดวกในการควบคุม และให้ส่วนแฮนด์รถของ Bonneville ดูเนี้ยบ เทคโนโลยีที่ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิดปิดได้ เพื่อการควบคุมและความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น
.jpg)
สำหรับ Bonneville T120 ราคาเริ่มต้น 587,000 บาท มีให้เลือก 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สี Crystal White / Cranberry Red สี Jet Black และ สี Jet Black / Fusion White ส่วน BonnevilleT120 Black ราคาเริ่มต้น 587,000 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Jet Black และสี Graphite / Matt Graphite โดยผู้ที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของรับข้อเสนอทางการเงิน 25,000 บาท และ Beeline Moto II มูลค่า 10,550 บาท ระบบนำทางสำหรับรถจักรยานยนต์ที่ Triumph และ Beeline ร่วมมือกันพัฒนาขึ้น ใช้งานง่าย ทนทาน และสวยงาม รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่พอ! รับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง (Triumph Roadside Assistance) เป็นระยะเวลา 2 ปี และการรับประกันคุณภาพ Triumph Warranty 2 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย โดยโปรโมชันดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 – วันที่ 10 ธันวาคม 2568 เท่านั้น
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงทดลองขี่ไทรอัมพ์ทั้งสองรุ่นได้ที่ผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ทั่วประเทศ ตลอดจนติดตามข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมของ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th และ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand
.jpg)