|
รถยนต์ไฟไหม้ควรปฏิบัติอย่างไร
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะลดความเสี่ยงจากไฟไหม้รถยนต์ โดยหมั่นตรวจสอบเครื่องยนต์ โดยเฉพาะระบบไฟ สายพาน หม้อน้ำ และท่อน้ำมันเชื้อเพลิง จัดเตรียมขวดน้ำเปล่าหรือถังดับเพลิงขนาดเล็กไว้ด้านข้างคนขับเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน ไม่ปรับแต่งสภาพเครื่องยนต์และ ใช้อะไหล่ไม่มีคุณภาพหรือต่ำกว่ามาตรฐาน ขับรถในอัตราความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ควรตั้งสติให้มั่น ไม่ตื่นตระหนก นำรถจอดข้างทาง ปิดสวิตช์ ดับเครื่องยนต์ทันที และหนีออกห่างจากจุดที่เกิดเพลิงไหม้ พร้อมโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการควบคุมสถานการณ์ อุบัติเหตุไฟไหม้รถมีสาเหตุจากปัจจัยภายนอกระบบเครื่องยนต์ เช่น ตัวถังได้รับความกระทบกระเทือนจนเกิดประกายไฟ ส่วนปัจจัยภายในเกิดจากความร้อน เชื้อเพลิงและประกายไฟมารวมตัวกันในระดับที่เหมาะสมจึงเอื้ออำนวยให้เกิดเพลิงไหม้ โดยส่วนใหญ่รถที่มักเกิดเพลิงไหม้ ได้แก่ รถรุ่นเก่าที่ผ่านการปรับแต่งสภาพ และใช้อะไหล่ที่ไม่มีคุณภาพหรือต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น ใช้สายไฟต่ำกว่าเกณฑ์ ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร หรือการใช้อะไหล่ที่ไม่ได้ขนาด ทำให้เกิดการเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟ หากมีความร้อนและเชื้อเพลิงจะทำให้เกิดเพลิงไหม้เครื่องยนต์ ส่วนรถใหม่ก็อาจเกิดเพลิงไหม้ได้ หากเจ้าของรถไม่ใส่ใจดูแลรักษาสภาพเครื่องยนต์ เช่น หม้อน้ำแห้ง ฝาปิดถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีรอยแตกร้าว เป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเพลิงไหม้รถ ควรปฏิบัติตนดังนี้ ก่อนขับขี่ ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน เติมน้ำหม้อน้ำ ในระดับที่กำหนด ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงไม่มีรอยรั่ว ไม่มีเศษวัสดุติดในหม้อน้ำและท่อยาง สายพานมีความตึงในค่าที่กำหนด โดยเฉพาะกระโปรงหน้ารถ หากมีเขม่าดำเกาะ แสดงว่า เครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ รวมถึงตรวจดูใต้ท้องรถหากมีร่อยรอยน้ำมันหยด ควรรีบแก้ไขโดยด่วน รวมทั้งจัดเตรียมขวดน้ำเปล่า และถังดับเพลิงเคมีขนาดเล็กไว้ด้านข้างคนขับ เพื่อสามารถหยิบมาใช้ได้ทันที เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ขณะขับขี่ รถส่วนใหญ่มักเกิดเพลิงไหม้ในขณะที่รถกำลังวิ่ง ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรสังเกตบริเวณกระโปรงหน้ารถ เพราะเป็นที่ตั้งของเครื่องยนต์และสายไฟที่อาจทำให้เกิดประกายไฟ รวมถึงกระโปรงหลังรถ โดยเฉพาะรถที่ติดตั้งถังก๊าซ หากรถเกิดอาการกระตุกเมื่อสตาร์ทหรือในขณะขับขี่ ควรนำรถไปตรวจสอบสภาพในทันที เพราะแสดงว่าเครื่องยนต์ทำงานขัดข้องหรือถังน้ำมันรั่ว ทำให้มีอากาศเข้าไปในตัวถังจนเกิดการเผาไหม้ไม่สม่ำเสมอ กรณีเกิดเพลิงไหม้รถ ผู้ขับขี่ควรตั้งสติ และรีบนำรถเข้าจอดข้างทางในทันที พร้อมดับเครื่องยนต์ เพื่อตัดสัญญาณไฟ และรีบโทรแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 191 ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ 199 สายด่วนนิรภัย 1784 หากเพลิงไหม้เพียงเล็กน้อย ให้นำผ้าแห้ง ผ้าที่เปียกน้ำ ทรายมาโป๊ะหรือตบบริเวณที่เกิดไฟไหม้ หรือใช้ขวดน้ำเจาะปากขวดเป็นรูเล็กๆ ฉีดบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ กรณีเพลิงไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ควรใช้ถังดับเพลิงฉีดพ่นบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ให้รีบหนีออกห่างจากรถที่เกิดเพลิงไหม้โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันรถระเบิด ถ้ารถที่เกิดเพลิงไหม้เป็นรถที่ใช้ระบบก๊าซ ควรรีบปิดวาล์วถังก๊าซ หากเป็นวาล์วอัตโนมัติให้เปิดฝากระโปรงแบบแง้มๆ พร้อมดับเพลิงตามวิธีข้างต้น ที่สำคัญ ผู้ขับขี่ไม่ควรซื้อรถมือสองที่ไม่ทราบประวัติการขับขี่ เพราะบางคันอาจผ่านการดัดแปลงสภาพ ใช้อะไหล่หรือชิ้นส่วนที่ไม่มีคุณภาพ และควรหมั่นตรวจสอบสภาพรถ เป็นประจำ รวมทั้งขับขี่รถในอัตราความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อลดแรงปะทะที่อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้รถ
ผู้แต่ง / แหล่งที่มา :
นิตยสาร รถ Weekly
ผู้บันทึก :
กองบรรณาธิการ
date : [ 23 เม.ย. 2556 ]
|
|
|