"อุบัติเหตุ" แม้ว่าจะไม่มีใครอยากให้เกิด แต่หากผู้ใช้รถใช้ถนนยังมีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่แล้วล่ะก็ ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิด 10 พฤติกรรมขับรถสุดแย่ที่พบเป็นประจำ
1. เปิดไฟตัดหมอกทิ้งไว้
- ไฟตัดหมอก เป็นอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยในสภาวะที่มีหมอกลงจัดหรือฝนตกหนัก เพื่อให้รถคันอื่นสามารถเห็นรถของเราได้จากระยะไกล แต่ปัจจุบันกลับมีผู้เปิดใช้ไฟตัดหมอกอย่างพร่ำเพรื่อ แม้ในสภาพอากาศปกติ ซึ่งแสงที่ได้นั้นทำให้รบกวนสายตาผู้ขับขี่คันอื่นเป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อต้องขับตามหลังเป็นเวลานานๆแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
2. ไม่ใช้สัญญาณไฟเลี้ยว
- ไฟเลี้ยวเป็นอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยยามต้องการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน แต่เดี๋ยวนี้กลับมีผู้ขับขี่จำนวนมากที่เปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมาก เพราะมักจะทำให้รถคันที่อยู่ในเลนตกใจอยู่บ่อยๆ
3. ขับช้าแต่แช่ขวา
- พฤติกรรมขับรถแช่ในช่องจราจรด้านขวา ก็เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้บ่อยขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของคนขับก็ตาม เนื่องจากกฏหมายกำหนดให้เลนขวามีไว้สำหรับการแซงเท่านั้น ซึ่งการขับรถแช่ขวาจะทำให้ผู้ขับขี่ที่ขับเร็วกว่า ต้องแซงขึ้นไปทางด้านซ้ายแทน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้มากกว่า
4. ขับรถจี้หลังกระชั้นชิด
- การขับรถจี้คันหน้าถือเป็นพฤติกรรมที่ก่อความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และยังถือว่าเป็นมารยาทที่แย่อีกด้วย ทางที่ดีควรเว้นระยะคันหน้าประมาณ 2 วินาที หรืออาจน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพจราจร หรือหากต้องการแซง ก็ควรใช้ไฟสูงขอทางแทนดีกว่า หรือหากไม่หลบก็แซงซ้ายไปเลยเมื่อสภาพจราจรเอื้ออำนวย
5. แซงกระชั้นชิด
- การแซงกระชั้นชิดไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้ ทางที่ดีก่อนแซงควรกะระยะของคันที่สวนมาให้แน่ใจว่ามีระยะทางมากพอให้เร่งแซง ที่สำคัญคือเมื่อแซงพ้นแล้ว ควรรีบกลับไปยังช่องทางเดินที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว แต่อย่าลืมว่าต้องให้รักษาระยะห่างไว้ด้วย
6. เปิดไฟสูงค้างไว้
- การเปิดไฟสูงค้างไว้ ส่วนมากเกิดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งขับรถยนต์ใหม่ๆ ที่ยังใช้อุปกรณ์ภายในรถได้ไม่คล่องแคล่ว ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อรถที่สวนมาอย่างมาก เพราะไฟสูงมีความเข้มของแสงสูง ทำให้สายตาพร่ามัวชั่วขณะได้ เป็นอันตรายต่อผู้ร่วมทางอย่างยิ่ง
7. ขับรถด้วยความเร็วเกินกฏหมายกำหนด
- ทางหลวงหลายๆเส้น มักอนุโลมให้ผู้ขับขี่ สามารถใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. ซึ่งก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การขับรถด้วยความเร็วสูงมากๆนั้น จะทำให้มีเวลาตัดสินใจน้อยลงหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา หลายๆประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีโฆษณาออกมาเพื่ช่วยรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ใช้ความเร็วอย่างเหมาะสม เพราะการขับรถเร็วถือเป็นปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นอันดับต้นๆ
8. แทรก/เบียด/ปาดหน้าก่อนถึงทางร่วมทางแยก
- สิ่งที่พบเห็นได้เสมอๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลารถติดหนัก คือจะมีรถส่วนน้อยที่ไม่อดทนต่อแถวในเลนตามการจราจรปกติ แต่จะใช้วีธีแทรกหรือเบียดหัวแถว บริเวณก่อนถึงทางแยกเล็กน้อย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจพอๆกับแซงคิวซื้อของนั่นแหละ เพราะนอกจากจะเป็นการกีดขวางจราจรเลนอื่นแล้ว ก็จะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้ากว่าปกติเมื่อได้สัญญาณไฟเขียวอีกด้วย เพราะต้องปล่อยให้คนกลุ่มนี้แซงไปก่อนนั่นเอง
9. เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อวิ่งตรงบนทางแยก
มีผู้ขับขี่ไม่น้อยที่มีเจตนาดีด้วยการเปิดไฟฉุกเฉินก่อนถึงทางแยก เพื่อบอกให้ผู้ร่วมทางรู้ว่า "ฉันจะขับตรงไปนะ!" แต่เจตนาดังกล่าวไม่มีประโยชน์เลยแถมยังก่อให้เกิดความเสี่ยงอีกด้วย เนื่องจากรถทางด้านซ้ายและขวาจะเห็นไฟกระพริบเพียงข้างเดียว ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าผู้ขับจะเลี้ยวซ้ายหรือขวามากกว่าที่จะขับตรงไป ซึ่งโดยปกติหากต้องการขับรถตรงไป ก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดสัญญาณใดๆอยู่แล้ว
10. เมาแล้วขับ
แม้ว่าปัจจุบันจะมีการรณรงค์ต่อต้านการเมาแล้วขับอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังสามารถพบเห็นได้อยู่บ่อยๆ เพราะบางครั้งคนขับจะคิดว่าตัวเองแค่รู้สึกมึนๆ แต่ไม่ถึงกับเมา (ซึ่งก็คือเมานั่นแหละ!) ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยิ่ง และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ 10 พฤติกรรมการใช้รถที่ได้กล่าวไปข้างต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสามัญสำนีกของผู้ใช้รถยนต์ทุกคนอยู่แล้ว ฉะนั้นเราจึงควรปฏิบัติตามกฏจราจร เพื่อให้การเดินทางบนท้องถนนเป็นเรื่องปลอดภัยมากขึ้นครับ