ลักษณะดอกยางรถยนต์
ดอกยางของรถยนต์นั้นมีไว้เพื่อยึดเกาะถนน และรีดน้ำขณะขับบนถนนเปียกเพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนและเกาะพื้นถนนได้ดี ดอกยางที่ดีควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 3 มม. ซึ่งขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำบนผิวถนนและความเร็วของรถด้วย ส่วนอายุของยางไม่ควรเกิน 5 ปี นับจากวันที่ผลิต หากครบหรือเกินควรรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อความปลอดภัย
ดอกยาง
คือ ส่วนที่อยู่บนหน้ายาง และสัมผัสพื้นผิวถนนตลอดเวลาที่รถวิ่ง ร่องยาง คือร่องที่ลึกลงไปจากหน้ายาง หรือร่องที่อยู่ระหว่างดอกยาง ร่องยางที่ตื้น หรือยางหัวโล้น จะทำให้รีดน้ำได้น้อยลง และลื่นบนสภาพถนนที่มีฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขังอยู่บนผิวถนน เพราะร่องยางที่เห็นนั้น มีไว้เพื่อรีดน้ำ ให้ออกจากหน้ายาง ไม่ให้น้ำ แทรกตัวอยู่ระหว่างหน้ายาง กับพื้นถนนจนเกิดอาการลื่น แต่ยางไม่มีร่องหรือยางหัวโล้น จะเกาะถนนได้ดีกว่ายางที่มีร่องมาก ๆ บนสภาพถนนที่มีแดดจัดและเรียบแห้ง เพราะยางมีพื้นที่สำผัสกับผิวถนนมากกว่า
โดยทั่วไปดอกยางรถยนต์แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ
1. ดอกยาง แบบ 2 ทิศทาง Dual
ดอกยาง ประเภทนี้ จะสามารถ ทำการ สลับยาง ได้ทุกตำแหน่ง ลักษณะมี ดอกยาง สวนทางกัน จึงไม่เน้นในเรื่องของ ความเร็วสูงมากนัก แต่ก็ใช้ได้อย่าง สะดวกสบาย
2. ดอกยาง แบบทิศทางเดียว Rotation
ดอกยางจะมีลักษณะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งยังมีสัญญาลักษณ์ลูกศรแสดงไว้ที่บริเวณแก้มยาง เพื่อบ่งบอกถึงตำแหน่งของการหมุนของล้อให้เราสามารถใส่ได้อย่างถูกต้อง ดอกยางประเภทนี้ ถูกออกแบบมาให้สามารถรีดน้ำได้ดีกว่าประเภทแรก เพื่อประโยขน์ในการควบคุมการทรงตัวในขณะใช้ความเร็วได้ดี
3. ดอกยางแบบไม่สมมาตรกัน Asysimatic
ดอกยางจะมีลักษณะเป็นดอกยางที่ไม่เท่ากัน ด้านหนึ่งจะหนากว่าอีกด้านหนึ่ง เหมาะสำหรับการขับขี่แบบเข้าโค้ง หรือ เหมาะสำหรับในรถยนต์บางยี่ห้อ ที่ออกแบบให้การขับขี่มีการเข้าโค้งในความเร็วสูง แต่สำหรับบ้านเราก็อาจมีไม่มากนัก