แม้ว่ายังผ่านไปเพียงแค่ 2 เดือนของปีหมูแต่อากาศของบ้านเราก็แปรปรวนเร็วกว่าที่หลายๆคนคิด เพราะเราได้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายไปเพียง 2- 3 อาทิตย์เท่านั้น เนื่องจากตอนนี้อากาศก็ได้กลับมา(ร้อน)ปกติอีกครั้ง และเมื่อฤดูร้อนแวะเวียนมาถึงปัญหาอีกเรื่องของคนที่มีรถยนต์ก็คือ "แอร์ไม่เย็น" จนถึงขั้นทำให้อารมณ์เสียและหงุดหงิดตามมา ขอแนะนำให้รู้จักวิธีตรวจเช็คแอร์ให้เย็นฉ่ำเสียตั้งแต่เริ่มหน้าร้อน
โดยอย่างแรกท่านควรจะตรวจเช็คระบบแอร์รถยนต์ของท่านว่าความเย็นของแอร์สุดแล้วหรือยัง แต่ถ้ามีสภาพความเย็นพอใช้ได้หรือไม่เย็นเลย ไม่เหมือนกับช่วงก่อนที่ซื้อรถมาใหม่ ๆ แค่ปรับความเย็นเพียงนิดเดียวก็เย็นฉ่ำ แสดงว่ารถยนต์ของท่านเริ่มมีปัญหาข้อบกพร่องในระบบแอร์แล้ว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากหลายกรณี แต่ที่พบกันเป็นส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจาก 2 กรณี คือ สาเหตุแรก ที่ทำให้แอร์มีความเย็นไม่เต็มที่ มาจากระบบน้ำยาแอร์มีไม่เพียงพอ หรือเกิดการรั่วไหลออกนอกระบบการทำงาน ซึ่งท่านควรทำเป็นสิ่งแรกคือการตรวจหาคราบน้ำมันจากจุดต่อต่างๆ ของระบบแอร์ที่อยู่บริเวณห้องเครื่องยนต์ (เพราะส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณนี้) ซึ่งถ้าพบว่าที่จุดต่อ จุดใดจุดหนึ่งเกิดมีคราบน้ำมันติดล้อมรอบบริเวณจุดต่อนั้น ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็คคราบน้ำมันออก แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์เปิดแอร์อีกครั้งหากยังมีคราบน้ำมันไหลออกมาอีก แสดงว่าจุดนั้นเกิดการรั่วซึม แก้ไขโดยการขันจุดต่อนั้นให้แน่นขึ้น แล้วนำรถเข้าไปอัดน้ำยาเพิ่มที่ร้านบริการแอร์รถยนต์ให้เต็ม หรือถ้าท่านตรวจเช็คระบบจนหมดแล้วแต่ไม่พบคราบน้ำมันเลย ท่านควรลองไปตรวจสอบน้ำยาในระบบดู ทำได้โดยการที่ท่านลองไปจ้องมองดู Side glass หรือเรียกภาษาช่างว่า ตาแมว ซึ่งจะเป็นกระจกใสอยู่บริเวณหัวกระปุก ไดร์เออร์ (มีลักษณะเป็นกระปุกคล้ายกับถังดับเพลิง ) ให้อีกคนหนึ่งไปเปิดแอร์แล้วเร่งเครื่องยนต์ให้อยู่ในรอบสูง สังเกตดูว่ามีฟองอากศไหลผ่าน ตาแมว มากน้อยเพียงไร หากมีฟองอากาศไหลผ่านนานกว่า 15 นาที หลังการเปิดสวิตซ์แอร์ก็แสดงว่าภายในระบบแอร์มีน้ำยาน้อยเกินไป ควรไปให้ร้านแอร์เติมน้ำยาให้อีกจนเต็ม แล้วความเย็นฉ่ำก็จะกลับมา
สาเหตุที่สอง ส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะประเภทรถเก่าที่ใช้งานมาหลายปีแล้ว และไม่เคยมีการตรวจเช็คแอร์เลย คือเรื่องของ คอยล์ตัน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของฝุ่นละอองที่ถูกพัดลมแอร์ดูดเข้ามาก ๆจนเริ่มที่จะมีการอุดตันจะทำให้แอร์เริ่มไม่เย็น ท่านสามารถจะสังเกตการอุดตันของคอยล์แอร์ได้จากการตรวจเช็คเหมือนกรณีแรกที่กล่าวมา หากการตรวจเช็คน้ำยาแอร์ ทุกอย่างยังสมบูรณ์ดี แต่แอร์ยังไม่เย็นอีก หรือเมื่อเปิดแอร์ในช่วงแรกก็มีความรู้สึกเย็นดี แต่พอใช้ไปสักพักหนึ่งแอร์ก็เริ่มที่จะไม่เย็น ซึ่งนี่แหละคือสิ่งบอกเหตุว่า คอยล์แอร์ เริ่มที่จะอุดตันแล้ว เพราะอากาศที่จะไหลผ่านระบายความเย็นของคอยล์แอร์ไหลผ่านได้ไม่สะดวกจึงทำให้คอยล์แอร์เกิดเป็นน้ำแข็ง อากาศที่ออกมาจากช่องแอร์จึงไม่เย็นเท่าที่ควร
ซึ่งสาเหตุที่ท่านคงจะทำการถอดล้างคอยล์แอร์เองไม่ได้แน่นอน ดังนั้นควรนำรถยนต์ของท่านเข้ารับการตรวจเช็คที่ศูนย์บริการจะดีกว่า เพื่อให้ช่างแอร์ทำการถอดล้างคอยส์แอร์ให้ หากท่านต้องการให้แอร์รถยนต์มีความเย็นชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดปี ท่านก็ควรจะนำรถของท่านไปล้างคอยล์แอร์ทุก 1 ปี เพื่อให้คอยส์แอร์มีสภาพสมบูรณ์ตลอดไป
อีกอย่างที่อยากจะแนะนำก็คือวิธีการใช้แอร์ในรถยนต์ ท่านไม่ควรเปิดอัตราเร่งของพัดลมแอร์ในสปีคสูงอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้คอยล์แอร์เกิดการอุดตันเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วไป นอกจากนั้นการปรับระดับความเย็นของอุณหภูมิไม่ควรที่จะปรับเปิด-ปิด ในระยะเวลาที่รวดเร็วจนเกินไป (ถ้าเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติไม่เป็นไร) เพราะในระบบแอร์ นั่นมีแรงดันของน้ำยาสูง หากท่านเปิด ๆ ปิด ๆ เร็วจนเกินไป น้ำยาในระบบจะเกิดแรงดันสูงอาจทำให้ท่อน้ำเกิดแตกหรือรั่วได้ เพราะฉะนั้นหากต้องปรับอุณหภูมิความเย็นให้ลดลงหรือปิดแอร์ ถ้าต้องการเปิดใหม่ไม่ควรที่จะเปิดในทันที ควรจะรอให้แรงดันของน้ำยาลดลงเสียก่อน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที แล้วจึงเปิดให้ตามต้องการ จะช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ของท่านได้เป็นอย่างมากและอีกประการหนึ่งที่ท่านควรจะรู้ไว้คือ เรื่องของการตรวจสอบคอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งถ้าช่างตามร้านแอร์ที่ท่านไปเข้ารับบริการเขาบอกท่านว่าคอมเพรสเซอร์แอร์เสีย ท่านควรจะลองตรวจสอบดูก่อนว่ามันเสียจริงหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ชิ้นนั้นไม่ใช่ราคาบาทสองบาท แต่มีราคาเรือนหมื่น มีช่างบางคนชอบใช้วิธีเปลี่ยนลูกเดียว หากว่าท่านไม่รู้เรื่อง อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มนั้นก็ได้ มีคนโดนแบบนี้มาแยะแล้ว
ถ้าคอมเพรสเซอร์เสียอย่างที่ช่างตามร้านเขาบอก ท่านสามารถทดสอบดูได้โดยการปิดสวิตซ์แอร์ทั้งหมดแล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินสักพัก คราวนี้ลองเปิดสวิตซ์แอร์ สังเกตุดูว่าเครื่องยนต์มีอาการอะไรที่แตกต่างจากก่อนหน้าที่จะเปิดสวิตซ์แอร์เหรือเปล่า เช่น รอบเครื่องต่ำลง ถ้าเครื่องยนต์ไม่มีอาการอะไรสั่น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรสักนิดก็แสดงว่าเคราะห์ร้ายเริ่มมาเยือนท่านแล้ว ให้ลองตรวจเช็คดูระบบฟิวส์ แล้วไม่มีจุดขาดเสียหายก็แสดงว่าคอมเพรสเซอร์ของท่านมีปัญาหอย่างแน่นอน ซึ่งก็คงจะต้องซ่อมหนัก หรืออาจจะถึงขั้นเปลี่ยนใหม่ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คงจะพอทำให้ท่านผู้ใช้รถยนต์ได้หายร้อนกันได้บ้างกับเรื่องของระบบแอร์ ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่สำคัญมากที่สุดระบบหนึ่งภายในรถยนต์ของท่าน ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหมั่นดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพดีและทนทาน ด้วยการตรวจเช็คตามเวลาที่กำหนด