ท่านที่เริ่มเล่นระบบเครื่องเสียงทั้งในบ้านและในรถยนต์นั้น มักจะขาดความรู้เรื่อง “อันตรายในการได้ยินเสียง” หมายถึงเสียงที่ดังเกินอัตราศึกหรือความเข้มข้นของเสียงที่อาจจะทำให้หูของตัวเองเสียหาย เพราะว่านักเล่นมือใหม่มักจะเอาแต่ความดัง ความมันแต่อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเสียงดนตรีจริงๆ ไม่ได้อัดแน่นเหมือนในห้องโดยสารรถยนต์แต่อย่างใด ดังนั้นหากมีโอกาสและเวลาอยากให้ไปศึกษาการแสดงดนตรีจริงกันบ้าง
ผมหมายถึงเสียงดนตรีที่ไม่ได้ผ่านเครื่องขยายนะครับ เช่น การแสดงคอนเสิร์ต แบบคลาสสิกคัลมิวสิก หรือวงออเคสตรา นี่คือของจริงที่ไม่ได้ผ่านการขยายเสียงให้ผิดเพี้ยน ฟังแล้วมาเปรียบเทียบการได้ฟังได้ยินภายในบ้านและในระบบเครื่องเสียงรถยนต์ ก็จะค่อยๆ เรียนรู้ว่า เสียงจริงกับเสียงปรุงแต่งเป็นอย่างไร ? เครื่องเสียงไฮเอ็นด์ทั้งหลายที่แพงลิบลิ่วนั้นพยายามออกแบบให้ดีที่สุดในแง่การส่งผ่านสัญญาณที่เที่ยงตรง
ฟังดนตรีจริงแท้…เปรียบกับเสียงที่รับฟังจากเครื่องเสียง ก็จะเรียนรู้ว่า ความดังคู่กับเสียงดีมันควรอยู่ระดับไหน ? เราสามารถจัดชุดเครื่องเสียงให้มีเสียงเครื่องเสียง ให้ได้ระดับความดังเท่าดนตรีจริงหรือจะดีกว่าของจริงก็ตรงที่สามารถฟังในระดับความดังขนาดไหนก็ได้ตามความพอใจ เปิดให้มันเบาๆ หรือฟังแบบยกวงดนตรีมาวางตรงหน้า ก็เร่งระดับความดังขึ้นไปมากๆ
หากเครื่องเสียงคุณภาพดีพอ เสียงที่ได้ก็เสมือนจริง แต่ไม่ควรเร่งความดัง เปิดเสียงอัดแข่งกันให้มันหนวกหูตายกันไปข้างหนึ่ง ความดังที่เหมาะสม ควรดังแบบมีคุณภาพ ไม่ผิดและพร่าเพี้ยน เป็นการการฟังเพื่อไฮฟิเดลิตี้ (ความสมจริง)
ในเรื่องของระดับความดังนี้ มีหน่วยวัดทางเทคนิคที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือคำว่า เดซิเบล (dB = DECIBEL) ซึ่งวิธีการวัดระดับความดังนี้ที่ระดับศูนย์ดีบี (0 dB) นั้น มาจากการวัดที่ความเข้มของเสียงขนาด 0002 ไดน์ต่อตารางเซนติเมตร เป็นระดับที่หูเราจะไม่ได้ยินอะไรเลย
ระดับความดังสูงๆ ขนาดที่ทำให้แก้วหูแตกหรือพิการ อย่างเช่นเสียงระเบิดที่ดังขึ้นใกล้ๆ หูนั้น จะมีความดังถึง 140 เดซิเบล เป็นความดังที่ทำให้หูพิการตลอดชาติ และเรื่องที่น่าตกใจ !! คือปัจจุบันสถานบันเทิงจำพวกผับ ร้านเหล้าที่มีดนตรีแสดง (ใช้เครื่องดนตรีแบบขยายด้วยไฟฟ้า) มีความดังที่ใกล้เคียงที่ทำให้หูหนวกได้เหมือนกัน แม้กระทั่งความดังในท้องถนนของกรุงเทพมหานคร ก็เริ่มอยู่ในระดับอันตรายสูงสุดแล้ว
ระดับความดังจะเป็นเครื่องกำหนดให้คนเล่นเครื่องเสียงต้องทราบว่า เสียงรบกวนในธรรมชาติทั่วไปนั้นมีระดับความดังอยู่ขนาดหนึ่งแล้ว การเปิดเครื่องเสียงให้มีความดังนั้นจะต้องดังมากกว่าระดับเสียงรบกวนในธรรมชาติ เช่น ในห้องโดยสารรถยนต์ทั่วไปมีเสียงรบกวน 40-50 เดซิเบล อยู่แล้ว คุณต้องเปิดเครื่องเสียงดังถึง 60 เดซิเบล จึงจะได้ยินเสียงเพลงจากเครื่องเสียง
ความดังที่วัดได้จากเครื่องมือพบว่า ภายในรถยนต์ที่เปิดเครื่องเสียงดังกว่า 85-90 เดซิเบล ก็นับว่าเป็นการพอเพียงแล้ว ไม่ควรดังมากเกินไปกว่านี้ จนกลายเป็นว่าระบบเสียงค่อยๆ ทำลายหูเราทีละน้อย หวังว่าคงไม่อยากเป็นคุณ "หนวกศักดิ์" ไปในที่สุด เนื่องจากบางคนฟังเพลงในรถยนต์นานหลายชั่วโมงต่อวัน
ระดับความดังของเครื่องเสียงรถยนต์บางคันที่เขาจับมาประกวดกันนั้น ดังมากกว่า 130 เดซิเบล เป็นระดับความดังที่ทำให้หูพิการถาวรครับ อย่าได้เอามาเป็นตัวอย่างนะครับ นานๆ ครั้ง ไปดูเขาแข่งขันความดังมันก็สนุกดี แต่หากเอามาเป็นแนวทางตัวอย่างใช้งานประจำวัน เห็นทีจะไม่เหมาะไม่ควร เปิดเครื่องเสียงเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพและรายละเอียดเสียงเท่านั้น ไม่ใช่ดังเกินความต้องการจนรู้สึกพร่าเพี้ยน