- ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า สวิตช์แอร์ถูกปิดอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้พัดลมแอร์ทำงานโดยเปล่าประโยชน์
- เมื่อรถสตาร์ทติดแล้ว ควรเปิดแอร์โดยใช้ความเร็วพัดลมสูงก่อน เพื่อเป็นการไล่ความร้อนในระบบแอร์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปุ่ม A/C ถูกเปิดอยู่ และควรปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ หากรู้สึกว่าแอร์รถเย็นเกินไป ควรใช้วิธีปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น เพราะการใช้วิธีหันหน้ากากแอร์ออกจากตัวหรือปิดช่องแอร์ จะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น และยังเป็นการเพิ่มความชื้นในระบบแอร์ เนื่องจากไม่สามารถระบายความเย็นได้เท่าที่ควร
- ก่อนดับเครื่องยนต์ ควรปิดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ ด้วยการกดปุ่ม A/C OFF โดยยังคงเปิดพัดลมแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที เพื่อระบายความเย็นส่วนที่เหลือ โดยอาจทำขณะเข้าจอดรถในบ้านหรือที่จอดรถก็ได้ เนื่องจากคอยล์เย็นหรือตู้แอร์ มักมีสภาพเปียกชื้นขณะทำงาน การทำลักษณะเช่นนี้จะเป็นการไล่ความชื้นเหล่านั้นออกมา ไม่ให้สะสมจนเกิดเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของกลิ่นอับในรถยนต์นั่นเอง จากนั้นจึงค่อยปิดพัดลมแอร์แล้วจึงดับรถยนต์
วิธีแก้ไขหากรถสุดรักของท่านผู้อ่านเกิดกลิ่นอับ สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ โดยนำรถของท่านไปจอดทิ้งไว้กลางแดด แล้วเปิดประตูทั้งสี่บานทิ้้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่นจะจางหายไป ทั้งนี้เพื่อช่วย ให้ความชื้นภายในรถระเหยออกไปนั่นเอง