กรณี คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มีนายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน เตรียมแนวทางส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ รุ่น 2 ต่อที่ประชุมบอร์ดบีโอไอที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วันที่ 28 สิงหาคม มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกำหนดเงื่อนไขเบื้องต้น คือ ต้องลงทุนขั้นต่ำ 6,500 ล้านบาท ต้องผลิตให้ได้ไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปี ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป กำหนดเครื่องยนต์ยูโร 5 เบนซินขนาด 1300 ซีซี ดีเซล 1500 ซีซี ภาษีสรรพสามิต 12-14% ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร จะได้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 6 ปี แต่ถ้าลงทุนหรือใช้จ่ายพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ภายใน 5 ปี จะยกเว้นภาษีเงินได้รวม 7 ปี และถ้าลงทุนไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท จะได้ยกเว้นภาษีเงินได้รวม 8 ปี โดยเงื่อนไขทั้งหมดสูงกว่าอีโคคาร์ รุ่น 1
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าเงื่อนไขการลงทุนยากขึ้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง วงเงินลงทุนสูงขึ้น กำหนดเวลาผลิตลดลง และการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลน้อยลง ค่อนข้างกังวลเรื่องระยะเวลาการผลิตและอัตราภาษี เพราะกำหนดให้ผลิตไม่น้อยกว่า 100,000 คันใน 4 ปี และจะได้ภาษีสรรพสามิตเพียง 14% ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เมื่อเทียบกับการผลิตของอีโคคาร์รุ่น 1 ที่ผลิตไม่น้อยกว่า 100,000 คันภายใน 5 ปี และปีที่ 5 ถึงปีที่ 8 ต้องผลิตรวม 400,000 คัน ดังนั้นทั้ง 5 ค่ายรถยนต์ที่ลงทุนอีโคคาร์ รุ่น 1 คือ นิสสัน ฮอนด้า มิตซูบิชิ ซูซูกิ และโตโยต้าจึงมีกำลังผลิตดังกล่าวที่ต้องทำตามเงื่อนไข ดังนั้นหากมีการลงทุนอีโคคาร์ รุ่น 2 และคาดว่าส่วนใหญ่จะเลือกลงทุนต้นปี 2559 เพื่อให้ได้ภาษีสรรพสามิตใหม่ 14% ทำให้ราคารถถูกกว่า การลงทุนส่วนนี้อาจเข้ามาแย่งตลาดรถยนต์ของ 5 ค่ายแรก
"ทำให้ผู้ผลิต รถยนต์อีโคคาร์ รุ่น 1 กังวล ดังนั้นต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะมีการมาตรการผ่อนปรนการผลิตดังกล่าว ให้หรือไม่" นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการส่งเสริมลงทุนอีโคคาร์ รุ่น 2 จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สนใจผลิตรถยนต์เครื่องดีเซล เนื่องจากเพิ่มขนาดเป็น 1500 ซีซี จึงอาจมีผู้ผลิตที่พร้อม ต่างจากอีโคคาร์ รุ่น 1 ที่ไม่มีค่ายใดสนลงทุนเครื่องยนต์ดีเซลเลย ส่วนผลจากการลงทุนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศตามที่รัฐบาลต้องการหรือไม่ เชื่อว่าส่งผลอยู่บ้าง เพราะจะมีการเพิ่มลงทุนในส่วนของชิ้นส่วนยานยนต์สำหรับอีโคคาร์ รุ่น 2 ด้วย ส่วนการลงทุนจริงจนส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยตรงจะเป็นช่วงปี 2559 มากกว่า