แม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นปีนี้ไม่ดี แต่งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ปีนี้ก็ถือว่ามีความคึกคักไม่น้อย แม้ว่ารถจากฝั่งสหรัฐ ยังไม่กลับมาร่วมงาน ยกเว้นเทสลา หรือ รถเกาหลีอีกหลายค่าย ยกเว้นฮุนได แต่งานนี้ก็มีรถเข้าร่วมงานอย่างหนาตา มีหลายรุ่นที่ใช้ที บิ๊กไซท์ เป็นสถานที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก และอีกหลายคันที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในญี่ปุุ่น
เบอร์ 1 ของญี่ปุ่น และว่าที่เบอร์ 1 ของโลกในปีนี้อย่างโตโยต้า นำเสนอรถยนต์หลากหลายรุ่น รวมไปถึงนำเสนอเทคโนโลยีอีกหลายรูปแบบที่น่าสนใจ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ เมื่อถึงเวลาเปิดตัวเปิดผ้าคลุมรถบนเวทีในรอบสื่อมวลชน ใครที่ไปถึงบู๊ธทีหลังก็ได้เห็นแต่ด้านหลังของคนข้างหน้าเท่านั้น เรียกว่าความสนใจมากทีเดียว
แนวคิดการร่วมงานของโตโยต้า สอดคล้องกับแนวคิดของโตเกียว มอเตอร์โชว์ปีนี้ คือ เรื่องของดูแล เอาใจใส่ การคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม พลังงาน จะว่าไปแล้วแนวคิดนี้ก็คล้ายคลึงกับงานครั้งที่แล้วเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ถ้ามีใครบอกว่าทำไมเป็นแนวคิดเก่าๆ ไม่เปลี่ยนใหม่ ผมก็คงจะเถียงแทน จามา หรือว่าสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าภาพจัดงานว่า นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่จะย้ำแนวคิดเดิม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดี เพราะว่า
1. เป็นการบ่งบอกถึงการเอาจริงเอาจัง ความต่อเนื่องในการพัฒนา ไม่ใช่บางงาน บางประเทศ ที่คิดแต่คำพูดสวยๆ แต่ทำไม่ได้ ทำไม่ต่อเนื่อง ทำให้จบๆไปในแต่ละครั้ง หลังจากนั้นก็ลืมๆกันไป ตัวอย่างเช่นโครงการป้องกันการเกิดอุบัติในบ้านเราที่มีทุกปี แต่ไม่เคยได้ผล
2.เป็นการบ่งบอกว่าการพัฒนายังไม่ถึงจุดสิ้นสุด ยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่สามารถทำได้ อาจไม่ใช่ของใหม่ ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นสิ่งเดิมๆที่เพิ่มความเข้มข้น ให้ได้ผลดีมากขึ้น
รถรุ่นหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าคลุมของโตโยต้า ก็คือ "เอฟซีวี คอนเซ็ปต์ 2014" รถต้นแบบ แต่เป็นรถต้นแบบที่มีอนาคต เพราะอากิโอะ โตโยดะ ประธาน โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศชัดเจนว่าจะขึ้นสายการผลิตเพื่อการพาณิชย์ หมายถึงขายจริง ภายในปี 2558 ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับรถเทคโนโลยี เซลล์พลังงาน หรือ FuelCell
หลายคนอาจเรียกว่าเซลล์เชื้อเพลิง แต่ด้วยว่ากระบวนการทำงานของระบบนี้ไม่มีเพลิงเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้า ด้วยการยิงก๊าซไฮโดรเจนไปทำปฏิกิริยากับแผงวงจร โดยมีของเหลือคือน้ำ ผมจึงนิยมที่จะเรียกว่าเซลล์พลังงานมากกว่า
ถังไฮโดรเจน 2 ถังที่รับแรงดันได้สูงสุด 70 เมกะพาสคาล จะได้รับการติดตั้งไว้ในรถ รองรับการใช้งานได้ไกล 500 กม. ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลด้านเทคนิคที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง เทียบเท่าหรือมากกว่ารถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้่อเพลิง และที่สำคัญการเติมก๊าซแต่ละครั้งใช้เวลา 3 นาที ใกล้เคียงกับการเติมน้ำมัน เร็วกว่าการเติมแอลพีจี หรือ ซีเอ็นจีมาก
ทั้งนี้โตโยต้าบอกว่าถ้าดูค่าเฉลี่ยการใช้งานของคนญี่ปุ่น เท่ากับว่า การเติมก๊าซแต่ละครั้งสามารถรองรับการใช้งานรถได้ถึง 1 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นการก้าวข้ามปัญหาในเรื่องของความไม่สะดวกในการใช้งานนับแต่เริ่มมีความตระหนักกันว่าน้ำมันใต้ดินร่อยหรอลงไป และจะหมดไปในวันหนึ่งข้างหน้า หรือไม่หมด แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาใช้ได้อย่างสะดวก ก็มีความพยายามที่จะหาพลังงานทดแทน หรือเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ และสิ่งที่มีการพูดถึงกันมากก็คือ พลังงานไฟฟ้า เซลล์พลังงาน และไฮบริด
ปัจจุบัน ไฮบริด ได้รับการยอมรับ และผลิตกันอย่างกว้างขวาง แต่วงการยานยนต์ก็เชื่อกันว่า ไฮบริดเป็นแค่ตัวคั่นเวลา ก่อนที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายหลัก ก็คือ ก๊าซไฮโดรเจน ที่อาจจะนำมาใช้งานได้ทั้งกับระบบสันดาปภายใน หรือเครื่องยนต์ปัจจุบันแต่เปลี่ยนจากน้ำมันเป็นไฮโดรเจนแทน และอีกทางเลือกหนึ่งคือ เซลล์พลังงาน ที่เริ่มคิดค้นพัฒนาอย่างจริงจังมากว่า 10 ปี แต่ก็ยังมีปัญหาในการผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง แต่โตโยต้ากำลังจะทำได้ในเร็ววันนี้