จำนวนผู้เข้าชม : 349 ครั้ง
End Page
 
 
ไทยฐานการผลิตรถเออีซี จับตาอินโดนีเซีย

สถาบันยานยนต์ชี้ไทยได้เปรียบฐานผลิตรถรับเออีซี จับตาอินโดฯมาแรงจัด กำหนดนโยบายส่งเสริมอีโคคาร์ดึงดูดนักลงทุนจากญี่ปุ่น เร่งไทยยกระดับผุดศูนย์วิจัยและพัฒนาหนีคู่แข่ง

รายงานจากสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาเรื่องนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อรองรับการรวมตัวกันเป็น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economics Community-AEC) ในปี 2015 พบว่า ด้วยจำนวนประชากรทุกประเทศในอาเซียนรวมกันเป็น 601.3 ล้านคน ส่งผลให้ความต้องการยานยนต์ของประเทศในอาเซียนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการแข่งขันต่อไปในตลาดอาเซียนจะอยู่ในรูปแบบการแข่งขันเชิงคุณภาพสินค้ามากกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากอำนาจการกีดกันมาตรการทางภาษีมีแนวโน้มลดลงจนเป็นศูนย์ ดังนั้น ประเทศไทยจัดได้ว่ามีความได้เปรียบอยู่พอสมควร ประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างอินโดนีเซีย และมาเลเซียก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นกัน ประเทศไทยจึงต้องมีการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดแนวโน้มในการแข่งขันกันเองมากขึ้น

ประเทศมาเลเซีย มีอุตสาหกรรมยานยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน จัดได้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศมาเลเซียอยู่ในช่วงอิ่มตัว เนื่องจากอัตราการเติบโตของการผลิตคงที่ และมีข้อจำกัดในการส่งออก อย่างไรก็ดีการที่มาเลเซียมีรถยนต์แห่งชาติ จึงมีการกำหนดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศหรือ NAP ที่ส่งเสริมยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด (Energy Efficiency Vehicles - EEV) เพื่อให้เกิดความยั่งยืน และอยู่รอดของอุตสาหกรรม ยานยนต์ในประเทศ ตลาดยานยนต์ในประเทศที่ส่วนใหญ่ยังเป็นของ Perodua และ Proton ซึ่งเป็นรถยนต์ที่รัฐบาลให้ความสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจย้ายหรือขยายฐานการลงทุนไปยังประเทศอื่น ในทางกลับกันการย้ายฐานการผลิตของรถ ยานยนต์แห่งชาติมาเลเซียไปประเทศอื่นเป็นไปได้ยากเช่นกัน เนื่องจากความนิยมผลิตภัณฑ์ Perodua และ Proton มีค่อนข้างจำกัด

รายงานจากสถาบันยานยนต์ ระบุว่า ประเทศอินโดนีเซีย มีตลาดรถยนต์ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในอาเซียน ทำให้ผู้ผลิตยานยนต์ในอินโดนีเซียต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น จากการเติบโตของการผลิตตั้งแต่ปี 2006 ถึงปัจจุบันนั้น มีเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ดังนั้นปัจจัยเรื่องอุปสงค์ จะเป็นปัจจัยสำคัญอันมีผลให้นักลงทุนทั้งจากญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ อาจพิจารณาย้ายหรือขยายฐานการผลิตไปยังประเทศนี้ รวมถึงการที่รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายชัดเจนในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยกำหนด Product Champion ที่มีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย คือ Low cost green car นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องแรงงานที่เพียงพอ มีอัตราค่าจ้างต่ำกว่า ในขณะที่ไทยมีปัญหาในด้านนี้อยู่มาก

ส่วน ประเทศฟิลิปปินส์ การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในฟิลิปปินส์จัดได้ว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก เนื่องจากปัญหาทางการเมืองของประเทศในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งการคมนาคมขนส่งทางถนนยังไม่มีความสะดวกเท่าที่ควร ดังนั้นความต้องการยานยนต์ในประเทศจึงมีอยู่ไม่มาก แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอย่างช้าๆ ส่งผลให้เกิดการลงทุนทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์มีขนาดไม่ใหญ่นัก จึงขาดความได้เปรียบ ในการแก้ปัญหาดังกล่าวทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ จึงได้กำหนดนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ฟิลิปปินส์ ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมสนับสนุนยานยนต์ เพื่อการส่งออก อย่างไรก็ดีฟิลิปปินส์มีลักษณะเป็นเกาะขนาดเล็กกระจัดกระจายทำให้ยากต่อการตั้งโรงงานผลิตที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ฟิลิปปินส์จัดว่าเป็นประเทศที่มีการกีดกันทางการค้าสูงโดยเฉพาะ



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 12 ก.พ. 2557 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc