พรีเมียมไฟแนนซ์เชียล เซอร์วิส "PFS" ค่ายสินเชื่อจากญี่ปุ่น จับมือ ตะวันออกพาณิชย์ ลีสซิ่ง "ECL" ขยายตลาดสินเชื่อรถยนต์มือ 2 ในประเทศไทย พร้อมปูพรมไปสู่ เออีซี ในปี 58

นายโยฮิชิ ชิบาตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียมไฟแนนซ์เชียล เซอร์วิส จำกัด ประจำสำนักงานใหญ่จากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 90% ในประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งนอกจากจำนวนรถใหม่ที่จะขยายตัวแล้ว กลุ่มรถมือ 2 หรือรถใช้แล้วก็เพิ่มสูงขึ้น

จากทิศทางดังกล่าวทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย จึงตัดสินใจจับมือกับ บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL เพื่อขยายฐานการดำเนินธุรกิจสินเชื่อสำหรับรถมือสอง โดยในเบื้องต้นจะมีประเด็นความร่วมมือทางธุรกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนความรู้ความชำนาญด้านการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือ 2 การเสริมสร้างความน่าเชื่อถือโดยอาศัยบริษัทญี่ปุ่นต่างๆ มายังประเทศไทย การสนับสนุนการร่วมมือทางธุรกิจและการพัฒนาธุรกิจเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และการสนับสนุนในการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอาทิ ด้านประกันภัยเกี่ยวกับรถยนต์เป็นต้น

สำหรับ PFS เป็นกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์และการรับประกันชิ้นส่วนรถยนต์มือ 2 โดยผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย 2.3 หมื่นรายทั่วประเทศญี่ปุ่น และ PFS มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจเช่าซื้อไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและมีบทบาททางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น การร่วมมือในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นผู้นำในการขยายธุรกิจไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาศัยความรู้ความชำนาญในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทย

ด้านนายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECLกล่าวว่า ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้ จะสามารถนำความรู้และแนวคิดของกลุ่มผู้นำด้านสินเชื่อขนาดใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น มาใช้ในการพัฒนารูปแบบการให้บริการ และสร้างเครือข่ายเพื่อรองรับการขยายธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ให้กับบริษัท รวมถึงตลาดสินเชื่อรถยนต์มือสองในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันบริษัท ได้ดำเนินธุรกิจด้านการให้สินเชื่อสำหรับรถยนต์ให้กับตลาดรถยนต์ใหม่ และรถยนต์มือ 2 โดยในปีที่ผ่านมาบริษัท มีรายได้227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาจากปีก่อน 12% และมีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22%