หลังจากเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บุกตลาดรถเก๋งเล็กเต็มสูบด้วยการนำ รถยนต์ ซูซูกิ สวิฟท์ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มารีบิวท์ใหม่ ปรับหน้าตาเล็กน้อย แล้วใส่สเปกรถยนต์อีโคคาร์ เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1.2 ลิตรเข้าไป ส่งผลให้ในปี 2556 ซูซูกิ สวิฟท์ ขึ้นแชมป์ยอดขายรถยนต์อีโคคาร์ แบบ 5 ประตู ในบ้านเราเลยทีเดียว ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า ถ้าพูดถึงเรื่องของรถเก๋งขนาดเล็กแล้วล่ะก็ ค่ายซูซูกิไม่เป็นรองใครในเรื่องสมรรถนะ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีรถเข้ามาขายหลากหลายแบบเท่าที่ควร
จะมีที่เห็นนานมาแล้วคงจะเป็น ซูซูกิ คาริเบียน รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กประเภทลุยๆ ตอนนี้ก็ยังมีวิ่งให้เห็นลุยป่ากันอยู่ หรือ ซูซูกิ วิทาร่า รถอเนกประสงค์ขนาดกลางคุณภาพใช้ได้ แต่ราคาขายกดไม่ลง โดดขึ้นไปเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง ก็เลยไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก นอกจากนั้น ก็มี ซูซูกิ เอ็มพีวี รถอเนกประสงค์คล้ายรถตู้ขนาดเล็ก ยอดขายก็ไม่โดดเด่น มาถึง ซูซูกิ สวิฟท์ เวอร์ชั่นอีโคคาร์ นี่แหละขายดิบขายดี แม้ว่าจะมีคนค่อนขอดว่า งานนี้ ซูซูกิ เล่นแทคติกเอารถเก่ามาเล่าใหม่ก็ตาม ดังนั้น เมื่อ สวิฟท์ เวอร์ชั่นอีโคคาร์เป็นใบเบิกทางให้ซูซูกิขยายตลาดในประเทศไทย มีปริมาณรถเพิ่มขึ้นหลายหมื่นคัน จึงจำเป็นต้องเพิ่มผู้แทนจำหน่ายและโชว์รูม เพื่อให้บริการอย่างทั่วถึง
ล่าสุด ซูซูกิ รุกคืบตลาดรถเก๋งขนาดเล็กไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่ 2 ซูซูกิ เซเลริโอ้ (CELERIO) คอมแพกต์คาร์ 5 ประตู รุ่นใหม่ โดยนำคณะสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเร็วๆ นี้ เซเลริโอ้ ได้รับการพัฒนามาจากพื้นฐานของรถต้นแบบ เอ:วินด์ (A:WIND) เปรียบเสมือนตัวแทนของคอมแพกต์คาร์ขนาดเล็กในอุดมคติ ความยาวรวม 3,600 มิลลิเมตร พื้นที่ภายในอันกว้างขวาง ความจุห้องเก็บสัมภาระ 254 ลิตร ใหญ่กว่ารถยนต์ขนาดเล็กทั่วไป เครื่องยนต์ใหม่ รหัส K10B 3 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 998 ซีซี กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที สามารถเติมน้ำมันเบนซิน E20 ได้ จุดเด่นในเรื่องประหยัดเชื้อเพลิงของเซเลริโอ้สามารถทำได้ตามเกณฑ์รถยนต์อีโคคาร์ของประเทศไทย นอกเหนือจากเครื่องยนต์บล็อกดังกล่าวแล้ว ตัวรถที่มีน้ำหนักเบาขึ้น ประกอบกับระบบแอโรไดนามิกส์ ช่วยสร้างสมดุลสำหรับการประหยัดพลังงาน
สมรรถนะการขับขี่นั้น แม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กแค่ 1000 ซีซี 3 สูบ แต่ความสามารถไม่ได้เล็กตามไปด้วย เพราะเมื่อลองกดคันเร่งหนักๆ ดู จะพบว่าการตอบสนองทำได้ดีกว่ารถเล็กทั่วไป ความเร็วสูงสุดคาดว่าน่าจะมากกว่า 150 กม.ต่อ ชม.ขึ้นไป ถ้าสภาพถนนเอื้ออำนวยให้ และแม้ว่าการเกาะถนนจะไม่ใช่ประเภทหนึบหนับแบบรถเก๋งสปอร์ตทั่วไป จะมีวูบวาบบ้างตามสไตล์รถเก๋งเล็ก 5 ประตู ออกแบบให้หลังคาสูง เพื่อให้รู้สึกนั่งสบายภายในห้องโดยสาร ระบบช่วงล่างกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง พวงมาลัยเป็นแบบแร็กแอนด์พิเนียน ยางขนาด 165/65R14
เซเลริโอ้ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น GA รุ่นล่างสุดเกียร์ธรรมดา กระจกแบบมือหมุนทุกด้าน ไม่มีระบบเครื่องเสียง ไม่มีที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง น้ำหนักตัวรถ 785 กก. น้ำหนักบรรทุกรวม 1,260 กก. อีก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น GL และรุ่น GLX เกียร์อัตโนมัติ น้ำหนักตัวรถ 820-835 กก. น้ำหนักบรรทุกรวม 1,260 กก. สำหรับอุปกรณ์ 2 รุ่นหลัง จะเพิ่มมากน้อยแตกต่างกันไป ซูซูกิ วางตำแหน่งสินค้า เซเลริโอ้ ไว้เป็นรถยนต์อีโคคาร์ทางเลือกใหม่ ราคาต่ำสุด นั่นหมายถึงราคาต่ำกว่า มิตซูบิชิ มิราจ ราคา 3.8 แสนบาท เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายพนักงานที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือนักศึกษาที่ต้องการใช้รถเพื่อเดินทางในเมือง หรือจากบ้านไปมหาวิทยาลัย เซเลริโอ้ มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ พร้อมจะประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ดังนั้น ตอนนี้ต่างก็คาดเดากันว่าราคาน่าจะประมาณ 3.3-3.5 แสนบาท
