จำนวนผู้เข้าชม : 230 ครั้ง
End Page
 
 
ประกันแห่"ลดเบี้ย"จูงใจ ปั๊มยอดแก้ปมรถใหม่วูบ

ลูกค้า ประกันรถเฮ ค่ายประกันแข่งเดือดหลังตลาดรถใหม่วูบหนัก หั่นราคาเข้าสู้ คาดกดเบี้ยถูกลง 10% อัดโปรโมชั่นกระตุ้นตัวแทน-นายหน้า ชิงเค้กตลาด1.2แสนล้าน ขาใหญ่ชี้แข่งราคาบางเซ็กเมนต์ ยันชูบริการเข้าสู้ เน้นรักษาลูกค้าเก่า เตือนอย่าสู้จนขาดทุน รับประกันต้องมีกำไร

นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.สินมั่นคงประกันภัย เปิดเผยว่า สถานการณ์ในตลาดประกันภัยรถยนต์ปี นี้กำลังแข่งขันกันดุเดือด หลังจากยอดขายรถใหม่ในช่วง 3 เดือนแรกติดลบไปค่อนข้างมาก ทุกบริษัทจึงต้องมาแข่งขันกันในตลาดเดิมที่มีอยู่เป็นหลัก ซึ่งรวมถึงใช้กลยุทธ์ด้านราคามาเป็นตัวแข่งขันเพื่อทำตลาด โดยคาดว่าราคาเบี้ยประกันน่าจะลดลงไปราว 10% จากเดิม

"ตลาดตอนนี้ เห็นชัดว่างานใหม่เข้ามาน้อยลง เพราะยอดขายรถใหม่ลดลงมาก ทุกคนก็ต้องเอาตัวรอดกัน ยิ่งเห็นผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่ส่วนใหญ่เบี้ยประกันลดลง ทำให้อีก 3 ไตรมาสที่เหลือต้องเร่งทำตลาดกันหนักขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริษัทใหญ่ที่จะทำโปรโมชั่นออกมาสู้กับตลาดได้ไหว และมีความได้เปรียบการแข่งขันสูงกว่า"

ด้านการปรับตัวของสินมั่นคงฯนั้น นายเรืองเดชกล่าวว่า ปีนี้บริษัทอาจต้องทำโป รโมชั่นเข้ามาแข่งขันมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาถือว่าทำน้อยกว่าคู่แข่งพอสมควร ซึ่งโปรโมชั่นก็จะมีเป็นระยะ ทั้งอัดฉีดตัวแทน-นายหน้าให้ตื่นตัวมากขึ้น รวมถึงโปรโมชั่นที่ส่งตรงไปยังลูกค้า ชูจุดขายเรื่องราคาที่คุ้มค่า และสินค้าที่เป็นทางเลือกสำหรับเซ็กเมนต์เฉพาะ เช่น ลูกค้าที่ขับน้อยก็มีประกันตามไมล์ เบี้ยถูกเริ่มต้นเพียง 9,999 บาท หรือประกันซ่อมศูนย์แต่ราคาไม่แพง เริ่มต้น 14,000 บาท แต่ละปีจะมีเบี้ยในสินค้า 2 แบบนี้ราว 1.1-1.2 พันล้านบาท

"ยอมรับ ว่าการแข่งขันปีนี้คงไม่ง่าย เราต้องรุกมากขึ้น แต่คงไม่ทำโปรโมชั่นกวาดไปหมด เราจะเลือกทำเฉพาะบางเซ็กเมนต์ที่พอจะแข่งขันได้ ทำแล้วไม่กระทบกับมาร์จิ้น ขณะเดียวกัน ก็ต้องดูเรื่องความมั่นคงของบริษัท ความเชี่ยวชาญในตลาด และบริการลูกค้าให้ได้ดีด้วย" นายเรืองเดชกล่าว

ขณะที่นายพนัส ธีรวณิชย์กุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย กล่าวเช่นกันว่า สภาวะตลาดในเวลานี้แข่งขันกันแรงมากโดยเฉพาะเรื่องราคา และเป็นไปได้ว่าระดับราคาที่แข่งกันจนไม่มีกำไรอาจจะกลับมาอีกในปีนี้ เพราะงานใหม่แทบจะไม่มี จากยอดขายรถใหม่ที่ 3 เดือนแรกปีนี้ออกมาแค่ 2.2 แสนคัน ขยายตัวติดลบ 46% ฉะนั้น ทุกบริษัทต้องมาแย่งกันในงานเดิมที่มีอยู่

สำหรับ นโยบายของกรุงเทพประกันภัย นายพนัสย้ำว่า บริษัทจะไม่เข้าไปแข่งด้านราคาตามตลาดแน่นอน แม้จะเกิดความเสี่ยงว่างานจะไหลไปยังบริษัทอื่นที่หั่นราคาลงก็ตาม ซึ่งล่าสุดบริษัทปรับลดคาดการณ์เติบโตลงเหลือเพียง 5% หรือคาดว่าจะมีเบี้ย 16,325 ล้านบาทเท่านั้น จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายเติบโตไว้ 15% หรือคิดเป็นเบี้ยราว 18,000 ล้านบาท เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์เติบโตในตลาดไม่เอื้อนัก

"เรามองว่าถ้า ทำกลยุทธ์อะไรออกมาซึ่งได้งานเพิ่มขึ้นและเป็นงานที่มีกำไรก็โอเค แต่ถ้าได้งานที่ขาดทุนเข้ามาจะเจอปัญหาอีกเยอะ รีอินชัวเรอร์ก็จะตั้งคำถามเข้ามา ราคาประกันภัยต่อก็จะถูกปรับขึ้น แถมกระทบต่อเงินกองทุนตามเกณฑ์ RBC (Risk-based Capital) อีก ฉะนั้น เราจะแข่งในระดับที่มีกำไร ซึ่งโมเดลของเราสามารถวิเคราะห์ผลได้ใน 3 เดือนเลยว่าจะมีกำไรหรือขาดทุน แล้วปรับตัวได้ทัน"

นายพนัสกล่าวว่า การแข่งขันในเวลานี้บริษัทจะชูเรื่องบริการเป็นหลัก โดยเฉพาะลูกค้าที่ผ่านประสบการณ์เคลมตอนน้ำท่วมมาแล้วจะเข้าใจดีว่าบริการ เคลมของบริษัทเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน ในช่วง 3-4 เดือนมานี้ทุนสินไหมขึ้นมาแล้ว 2-3% ถ้าจะลดราคาบ้างก็คงทำได้แค่บางรุ่น ขณะที่บางรุ่น เช่น กลุ่มรถเล็ก 1,500 ซีซี ซึ่งความเสี่ยงสูงก็อาจต้องปรับราคาขึ้นด้วยซ้ำ

ส่วนนางสาวชูพรรณ โกวานิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันภัย กล่าวทำนองเดียวกันว่า กลยุทธ์เรื่องราคาเป็นการปรับตัวเพื่อแข่งขันในระยะสั้น ไม่สามารถสร้างเบี้ยเพื่อสนับสนุนให้บริษัทแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ซึ่งในมุมของเมืองไทยประกันภัยคงไม่เข้าไปแข่งราคาตามตลาด ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากตลาดรถใหม่ที่เติบโตติดลบนั้นก็ไม่น่าจะกระทบมาก เพราะสัดส่วนงานจากรถใหม่ของบริษัทมีค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว

"ปีนี้เรา เตรียมเรื่องบริการและระบบงานสินไหมให้กระชับขึ้นเป็นหลัก โดยพยายามบริหารระบบสินไหมตลอดทั้งซัพพลายเชน รวมถึงส่วนที่ไปเกี่ยวข้องกับคู่ค้าด้วย เช่น ศูนย์ซ่อมและอู่ พร้อมกับโฟกัสในฐานลูกค้าเดิมให้ต่ออายุเป็นหลัก ซึ่งจะได้รับส่วนลดประวัติดี 10-50% อยู่แล้ว ฉะนั้น ราคาคู่แข่งที่จะเข้ามาดึงลูกค้าไปก็คงไม่ง่ายนัก" นางสาวชูพรรณกล่าว

ขณะ ที่บริษัทเจ้าตลาดประกันรถยนต์อย่าง บมจ.วิริยะประกันภัย โดยนายกฤษณ์ หิญชีระนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกล่าวว่า ราคาเบี้ยในปัจจุบันค่อนข้างถูกกดดันจากการแข่งขันมาก ทั้งเป็นระดับราคาที่ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมา 2-3 ปีแล้ว จึงไม่เห็นแนวทางว่าจะแข่งกันลดต่ำไปกว่าปัจจุบันอีกเพื่ออะไร ทั้งที่ต้นทุนค่าสินไหม ค่าแรง และค่าอะไหล่ก็ปรับเพิ่มขึ้นตลอด ซึ่งในมุมของวิริยะประกันภัยก็คงไม่ลดราคาไปสู้อย่างแน่นอน กระนั้นในช่วง 3 เดือนแรกเบี้ยก็ยังเติบโตได้ราว 7-8% ถือว่าไม่ถูกกระทบจากการแข่งขันในตลาด

"ตลาดรถใหม่คงสู้กันไม่ได้มาก เพราะตลาดหายไปแล้ว 50% ขณะที่ตลาดรถต่ออายุเรื่องราคาอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่อยู่ที่ความพอใจของลูกค้าและความสะดวกของบริการที่มีให้ ตรงนี้เราสู้เต็มที่ และพยายามติดต่อลูกค้าให้เร็วขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องต่ออายุ ซึ่งช่วยได้เยอะ อัตราการต่ออายุปัจจุบันก็มากกว่า 50% และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะทำได้ถึง 60% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้"

นอก จากการแข่งขันด้านราคา ปีนี้ยังพบว่ามีบางบริษัทที่พยายามทำแบบประกันรถยนต์ที่มีลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามารุกตลาด เช่น บมจ.ไทยประกันภัย ออกประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 "พี่ช้างคืนเงิน" ขับรถดี 3 ปี คืนเงินค่าเบี้ยให้ครึ่งหนึ่งของที่จ่ายมาตลอด 3 ปี โดยตั้งเป้าหมายสร้างเบี้ยจากแบบประกันนี้ถึง 1,000 ล้านบาทในปีนี้

ทั้ง นี้ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พบว่า ในปี 2556 เบี้ยประกันภัยรถยนต์มีมูลค่ารวม 118,418 ล้านบาท และคาดว่าตลาดประกันวินาศภัยปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 10% หรือมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 29 พ.ค. 2557 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc