|
อินเดียน 'ชีฟคลาสสิก' ใหม่ไม่ลืมเก่า
ความสำเร็จในอดีตมักจะกลายเป็นตำนานที่เล่าต่อๆ รุ่นสู่รุ่น ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกันก็มีตำนานที่ยาวนานพอดู แต่ก็มีน้อยที่ประสบความสำเร็จแล้วยืนยงอยู่ได้ หากจะพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์จากแดนนี้คงหนีไม่พ้นฮาร์เลย์- เดวิดสัน ที่ทำธุรกิจต่อเนืองมาจนถึงปัจจุบัน หากเมื่อมองย้อนกลับไป ฮาร์เลย์นั้น มีคู่แข่งเป็นเพื่อนร่วมชาติที่ต่อสู้กันมาได้อย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี นั่นก็คือ "อินเดียน" นี่เอง เมื่อพูดถึงอินเดียนกลับเป็นแบรนด์ที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนฮาร์เลย์ด้วยซ้ำไป ในขณะที่ฮาร์เลย์เกิดในปี 1903 แต่อินเดียนลืมตามาก่อนถึง 2 ปีและได้ทำเครื่องยนต์สูบวีออกมาในปี 1905 ก่อนที่จะขายจริงในปี 1906 สงครามโลกทำให้อินเดียนตกต่ำจากการผลิตรถส่งให้ทหารใช้ ซึ่งอินเดียนใส่แต่ของดีๆ ทำให้ขาดทุน ต่างจากคู่แข่งที่มีกำไร และจากรูปทรงที่เหมือนๆกัน เมื่อไม่มีโลโก้แปะไว้ จึงยากที่จะรู้ว่ารถมาจากค่ายไหนกันแน่ พอหมดยุคสงครามอินเดียนก็เปลี่ยนมือเป็นว่าเล่นราวสมบัติผลัดกันชม สุดท้ายก็กลับมาอยู่ใต้ชายคาของคนอเมริกันอีกครั้ง เมื่อค่าย "โพลาริส" ได้เข้าซื้อกิจการพร้อมกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับอินเดียนอีกครั้ง การเปลี่ยนเจ้าของจาก "เทคสเตลลิง แคน” มาเป็นโพลาริส ค่ายที่โด่งดังกับพวกรถเอทีวีและสกีออโตโมบิล จึงมีความสามารถในการผลิตทั้งหมด รวมไปถึงเครื่องยนต์ที่เมื่อก่อนซื้อจากเอสแอนด์เอสด้วย หัวใจของความสำเร็จของมอเตอร์ไซค์ส่วนหนึ่งอยู่ที่เครื่องยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คู่แข่งของอินเดียนอย่าง ฮาร์เลย์ยืนยงมาได้จนถึงปัจจุบันนี้ ทางอินเดียนจึงใช้เวลาเกือบ 2 ปี ในการออกแบบพัฒนาจนได้เครื่องยนต์ที่ทนทานทันสมัยมาใช้ ซึ่งเครื่องยนต์ธันเดอร์สโตรค 111 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบเครื่องยนต์ที่โด่งดังในอดีตของอินเดียน เป็นเครื่องยนต์สูบวีคล้ายกับปี 1948 ที่มีครีบขนาดใหญ่ทั้งตัวเหมือนหัวเห็ด มีพุดรอดสั้นๆ เครื่องยนต์ที่เหมือนกับอินเดียนชีฟ ในยุค 40 ทำให้เห็นถึงการทรงคุณค่าของเครื่องยนต์ยุคนั้นที่ยากจะหาใครเทียบ โดยมีแพลตฟอร์มของเครื่องวี-ทวิน ทำมุม 49 องศา ระบายความร้อนด้วยอากาศ ส่วนขุมพลังที่วางใน “ชีฟคลาสสิก” จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1811 ซีซี ที่มีขนาดลูกสูบ 101 มม. ช่วงชัก 113 มม. เป็นเครื่องยนต์ใช้ก้านกระทุ้งคู่ ใช่ท่อไอเสียพุ่งลงพื้น แล้ววางท่อขนานไปกับพื้น เป็นการพิสูจน์ถึงรากเหง้ากับเครื่องยนต์ในยุคเก่าอย่างชัดเจน เครื่องยนต์ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดจากการสร้างบนแบบกระดาษไปสู่การทดสอบในห้องทดลองและเส้นทางจริงๆ กว่า 3.2 ล้านกิโลเมตร เพื่อมอบพลังในการขับขี่ของอินเดียน ให้กลายมาเป็นต้นแบบของรถอเมริกันยุคใหม่ การรวมเครื่องยนต์กับชุดเกียร์เข้าด้วยกันลดการเกิดรั่วซึมของน้ำมันเครื่องได้ดี แล้วส่งกำลังผ่านสายพานไปยังล้อหลังเพื่อความนุ่มนวล แม้มีพลังในการขับเคลื่อนที่มหาศาล แรงบิดของเครื่องยนต์มีสูงถึง 138.9 นิวตัน-เมตร ที่ 2,600 รอบต่อนาที ทำให้เรียกกำลังออกมาใช้ได้ทันทีตั้งแต่ออกตัว จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดไฟฟ้า ใช้ขนาดลิ้นปีกผีเสื้อ 54 มม.การตัดต่อกำลังคลัตช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน เป็นมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ขนาดใหญ่ที่คุมง่าย เรียกกำลังมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยทอร์กที่สูง ความเร็วระดับ 80-180 กม./ชม. สามารถเปิดคันเร่งส่งได้เลย และจะได้ยินเสียงที่ดุดันออกมาทางท่อคู่แบบเร้าใจการขับขี่ยาวๆ ระดับ 40 กม./ชม. สามารถคงไว้ที่เกียร์ 6 ได้พร้อมเปิดคันเร่งได้เลยไม่ต้องลดเกียร์ ซึ่งการใช้เฟืองขับจะสึกหรอน้อยกว่าการใช้โซ่ รูปทรงของรุ่นชีฟคลาสสิกจะคล้ายๆ กับอินเดียนยุคโบราณ โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงบังโคลน ซึ่งจะมีหัวอินเดียนหัวหน้าเผ่าติดเอาไว้ด้านหน้าเป็นแก้วซึ่งฝังหลอดไฟเอาไว้พร้อมให้ความสว่างได้ถึงจะเป็นมอเตอร์ไซค์รูปทรงย้อนยุค แต่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ใส่มาให้เยอะ เห็นได้จากระบบเบรกเอบีเอสที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาเบรกกะทันหัน บนถังน้ำมันก็จะมีมาตรวัดติดเอาไว้เบาะหนังแท้สีดำ เป็นรูปทรงมาตรฐานแบบไม่ต้องตกแต่งเพิ่มสำหรับคนที่ชื่นชอบความคลาสสิก เบาะนั่งไม่สูงมากคนเอเชียทั่วๆ ไปขึ้นไปคร่อมแล้วสามารถวางเท้าได้เต็มฝ่าเท้าทั้งสองข้าง หากไม่เอียงจนน้ำหนักถ่ายไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ก็ไม่ยากในการควบคุมเจ้ายักษ์ใหญ่คันนี้ ราคาของรถตั้งไว้ 1.475 ล้านบาท สองล้อเศรษฐีคันนี้คนทั่วไปอยากเล่น เห็นทีจะต้องรอเก็บเงินกันนานหน่อย
ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly
ผู้บันทึก :
กองบรรณาธิการ
date : [ 07 ก.ค. 2557 ]
|
|
error=select * from newtopic order by q_id desc |