"หอการค้าญี่ปุ่น" รายงานยอดขายรถยนต์ครึ่งปีแรกยังทรุดต่อเนื่อง ทำได้แค่ 4.2 แสนคัน ร่วง 40% พบเก๋งวืดหนัก 49% มากกว่าตลาดร่วม ด้าน "ดีลเลอร์" ยอมรับการแข่งขันระหว่างดีลเลอร์ในพื้นที่สาหัสกว่าแคมเปญของบริษัทแม่หลายเท่า
แหล่งข่าวจากที่ประชุมหอการค้าญี่ปุ่น หรือเจซีซี เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 พบว่ามียอดทั้งสิ้น 420,503 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 40.6% จากที่เคยทำได้ 708,014 คัน แบ่งรายยี่ห้อ โตโยต้ามียอดขายสูงสุด 163,997 คัน ลดลง 30.9% จากปีก่อนที่ขายได้ 237,318 คัน รองลงมาคืออีซูซุ 77,237 คัน ลดลง 28% จาก 107,445 คัน, ฮอนด้า 47,283 คัน ลดลง 64% จาก 131,458 คัน, มิตซูบิชิ 31,801 คัน ลดลง 45% จาก 57,160 คัน, นิสสัน 30,670 คัน ลดลง 45% จาก 55,172 คัน ฟอร์ด 20,122 คัน ลดลง 26% จาก 27,422 คัน, มาสด้า 17,144 คัน ลดลง 44% จาก 30,441 คัน, เชฟโรเลต 14,434 คัน ลดลง 53% จาก 30,896 คัน, ซูซูกิ 11,225 คัน ลดลง 49% จาก 21,929 คัน และอื่น ๆ 6,590 คัน ลดลง 25% จาก 8,773 คัน จากยอดขายที่ 420,503 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 168,694 คัน ลดลง 49% จาก 332,155 คัน รถปิกอัพ 189,215 คัน ลดลง 38% จาก 301,433 คัน รถพีพีวี, เอ็มพีวี และเอสยูวี 62,579 คัน ลดลง 16% จาก 74,426 คัน
ส่วนยอดขายรถยนต์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่าน มานั้น พบว่ามียอดขายทั้งสิ้น 70,423 คัน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 30% จาก 100,027 คัน เมื่อแบ่งรายยี่ห้อ พบว่าโตโยต้ายังขายสูงสุด 27,543 คัน รองลงมาคือ อีซูซุ 12,377 คัน, ฮอนด้า 9,087 คัน, มิตซูบิชิ 4,940 คัน, นิสสัน 4,228 คัน, ฟอร์ด 3,301 คัน, มาสด้า 3,127 คัน, ซูซูกิ 2,361 คัน และเชฟโรเลต 2,284 คัน อื่น ๆ อีก 1,175 คัน โดยในจำนวน 70,423 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 30,722 คัน รถปิกอัพ 30,380 คัน, รถเอ็มพีวี พีพีวี เอสยูวี 9,306 คัน
รายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมโดยเฉพาะปัจจัยลบด้านการเมืองเริ่มมีความชัดเจน มากขึ้น ประกอบกับเริ่มมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบแล้ว แต่เชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะไปอยู่ในกลุ่มของสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นส่วนใหญ่ ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น ตลาดเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน เริ่มมีให้เห็นในส่วนของรถบรรทุก รถจักรยานยนต์ และรถปิกอัพบ้างแล้ว แต่ทั้งนี้การแข่งขันระหว่างตัวแทนจำหน่ายด้วยกันเองในแต่ละพื้นที่ก็ยังคง มีความรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งจากการแข่งขันระหว่างแบรนด์ แล้วยังพบว่าการแข่งขันของดีลเลอร์แบรนด์เดียวกันมีความรุนแรงไม่แพ้กัน
"ตั้งแต่ช่วงต้นปีเป็นต้นมา บริษัทแม่และดีลเลอร์ทำงานกันหนักมาก เพราะนอกจากลูกค้าชะลอการตัดสินใจไม่เดินเข้าโชว์รูมแล้ว ยังต้องบริหารจัดการรถในสต๊อกเพื่อลดภาระต้นทุน เพราะที่ผ่านมามีผู้ประกอบการบางค่ายรถแจ้งตัวเลขสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ประเมินตลาดค่อนข้างลำบาก" ดังจะเห็นได้จากความพยายามนำเสนอ แพ็กเกจการขาย แคมเปญส่งเสริมการขายของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา รวมถึงการแข่งขันกันเองในพื้นที่ของตัวแทนค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทำให้เชื่อว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมภายในประเทศทั้งปีน่าจะอยู่ที่ระดับ 9.5 แสน-1 ล้านคัน