จำนวนผู้เข้าชม : 252 ครั้ง
End Page
 
 
เกรย์สูญหมื่นล้าน สมอ.ตรวจรถช้า ยอดขายฮวบ50%

"สมาคมผู้นำเข้า" โอด สมอ.ปรับเกณฑ์ตรวจรถนำเข้าถี่ ดันต้นทุนเพิ่ม เผยราคารถแพงขึ้น 10% ทำยอดขายหด 50% สูญรายได้ 1.6 หมื่นล้านบาท ด้านสถาบันยานยนต์ชี้ผู้นำเข้ายื้อไม่ส่งรถให้ตรวจ เฉลี่ยแค่ 5-6 คันต่อเดือน

นายอภิชาติ สมรพิทักษ์กุล นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เปิดเผยถึงภาพรวมการธุรกิจรถยนต์นำเข้าในปัจจุบันว่าได้รับผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะนโยบายของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้เปลี่ยนแปลงระเบียบให้ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระต้องนำรถยนต์ที่นำเข้ามาทำการตรวจสอบมาตรฐานก่อนขายทุกคัน จากเดิมตรวจสอบเพียง 1 คันต่อ 1 รุ่น และสามารถนำข้อมูลมาเทียบเคียงให้กับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ได้ รวมถึงมีการปรับค่าใช้จ่ายในการตรวจรถยนต์ให้สูงขึ้น เดิมดีเซลคิดค่าธรรมเนียม 19,000 บาท และเบนซินคิดค่าธรรมเนียม 49,000 บาท ล่าสุดมีการปรับค่าธรรมเนียมการจัดเก็บเครื่องยนต์ดีเซล 46,000 บาท และเครื่องยนต์เบนซิน 78,000 บาท ซึ่ง สมอ.ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บเงินจำนวนเงินดังกล่าว และใช้เวลาตรวจสอบอย่างน้อย 90 ถึง 120 วัน จากเดิมที่ สมอ.แจ้งว่าใช้เวลาเพียง 30 วัน ส่งผลให้การส่งมอบรถให้ลูกค้าเกิดความล่าช้าเสียหาย

ในขณะที่บริษัทผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือออโทไรซ์ดีลเลอร์ ในประเทศไทยได้รับยกเว้นหรือผ่อนผัน สามารถตรวจสอบเพียง 1 คันต่อ 1 รุ่น ซึ่งสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้กับรถในรุ่นเดียวกันกว่า 5,000 คัน ซึ่งรถยนต์ที่ผู้นำเข้าอิสระกับผู้แทนจำหน่ายนั้น สั่งนำเข้ามาจากแหล่งผลิตหรือโรงงานเดียวกันจากต่างประเทศ และทางสมาคมได้เข้าพบเพื่อหารือแนวทางแก้ไขกับผู้มีอำนาจรับผิดชอบในสมอ. หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมา จึงได้เสนอข้อเรียกร้องถึงแนวทางการปฏิบัติงานของ สมอ.ว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ยื่นให้แก่สมอ. ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งยังคงไม่ได้รับคำตอบจากหน่วยงานดังกล่าว

ซึ่งจากความซับซ้อนและยุ่งยากในการตรวจสอบรถยนต์ ทำให้ปัจจุบันผู้ประกอบการยังมีรถที่ค้างอยู่ 2,000 คัน สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาค่าเงินบาทอ่อนตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ รวมถึงราคาจำหน่ายของรถยนต์หรูจากบริษัทแม่ที่ต่ำลงอย่างมาก ทำให้บริษัทผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือออโทไรซ์ดีลเลอร์ขายรถในราคาต่ำลงมาก ส่งผลให้ราคารถเกรย์มาร์เก็ตช่วงหลังราคาเริ่มสูงกว่าแล้วเกือบ 10% คาดว่ายอดขายรวมปีนี้ของเกรย์มาร์เก็ตน่าจะทำได้แค่ 3,000-4,000 คันเท่านั้น ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 8,000 คัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเฉลี่ยคันละ 4 ล้านบาท หรือราว 16,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าเงินภาษีที่รัฐจะสูญเสียรายได้ราว 5,000 ล้านบาท

"เราได้เจรจากับ สมอ.หลายครั้ง และที่ผ่านมาก็ได้ให้ความร่วมมือมาตลอด แต่จากการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดต่าง ๆ โดยไม่มีคำชี้แจงและไม่เป็นธรรมเมื่อเทียบกับออโทไรซ์ ทำให้เราต้องตัดสินใจขั้นสุดท้าย ที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม เนื่องจากสภาวะในปัจจุบันถือเป็นการกีดกันทางการค้า ไม่ใช่การค้าเสรี" นายอภิชาติกล่าว

นายกสมาคมยังกล่าวต่อถึงประเด็นด้านการตรวจรถของ สมอ.ว่าการที่รถนำเข้าส่วนใหญ่นำเข้าจากยุโรปหรือประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ผ่านมาตรฐานยูโร 6 ซึ่งสูงมาก ขณะที่ประเทศไทยใช้มาตรฐานยูโร 4 หรือ 5 เท่านั้น และการตรวจของ สมอ.และสถาบันยานยนต์ไม่ได้มีเครื่องมือที่ครบครัน ปัจจุบันไม่สามารถตรวจรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อได้ ซึ่งถือว่า สมอ.และสถาบันยานยนต์ก็ไม่ได้มีความพร้อมหรือมีมาตรฐานพอ

ด้านนายพีรศุษม์ ตันติยันกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีตั้น อิมปอร์ท จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของเกรย์มาร์เก็ตในตลาดรถหรูมีเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ที่ผ่านมาเกรย์มาร์เก็ตถือเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค แต่จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ทำให้เกรย์มาร์เก็ตทำธุรกิจได้ยาก การวางแผนธุรกิจ การคำนวณต้นทุน การวางแผนนำเข้ารถยนต์ใหม่ ทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่หายไปจากตลาดราว 25% จากจำนวนทั้งหมดกว่า 300 ราย

ส่วนกรณีที่กรมสรรพากรจะทำการรวบรวมข้อมูลรุ่นรถ ราคาจำหน่ายและผู้ครอบครองจากเกรย์มาร์เก็ต ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่กรมสรรพากรต้องดำเนินงานอยู่แล้ว และผู้ประกอบการเองก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือเหมือนที่ผ่านมา ด้านนายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี สมอ.ได้มอบหมายให้สถาบันยานยนต์เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพของรถยนต์ที่นำเข้าโดยเกรย์มาร์เก็ตนั้น พบว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี มีผู้ประกอบการนำรถยนต์เข้ามารับการตรวจสอบเฉลี่ยเดือนละ 5-6 คันเท่านั้น หลังจากได้รับการผ่อนปรนให้สามารถนำรถไปจดทะเบียนได้ก่อนแล้วค่อยมาตรวจรถภายหลัง ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่นำรถเข้ามาตรวจสอบ ก็ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานอุตสาหกรรม

"ตอนนี้ทราบว่าทาง สมอ.ได้แจ้งเตือนไปที่ผู้ประกอบการผ่านสื่อมวลชนหลายแขนงจากตัวเลขเราพบว่ามีผู้นำเข้านำรถยนต์เข้าไปจดทะเบียนที่กรมขนส่งทางบก แต่ไม่นำรถเข้ามาตรวจสอบยังสถาบันยานยนต์ประมาณ 5,000 คัน หรือคิดเป็นมูลค่าการตรวจสอบเกือบ 60 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคันละ 40,000 บาท ที่รัฐต้องสูญเสียรายได้ตรงนี้ไป" สำหรับสถาบันยานยนต์นั้น ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการตรวจสอบคุณภาพยานยนต์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งมีขีดความสามารถในการตรวจสอบได้ 6 คันต่อวัน และที่ผ่านมา สมอ.ก็ได้แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้ทยอยนำรถเข้ามาตรวจสอบเป็นระยะ

ขณะที่นายองอาจ พงศ์กิจวรสิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า สิ่งที่กลุ่มต้องการแสดงจุดยืนต่อเรื่องดังกล่าวนี้ เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มต่างต้องการให้ผู้ประกอบการและผู้นำเข้าอิสระหรือเกร์ยมาร์เก็ตดำเนินธุรกิจและปฏิบัติภายใต้กฎหมายมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเป็นการปกป้องผู้ผลิตรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาความล่าช้าของ สมอ.และสถาบันยานยนต์ ล่าสุดผู้นำเข้าหลายรายพยายามหาทางออกโดยตัดปัญหายุ่งยากของการดำเนินการ รวมทั้งเอกสารการนำเข้ารถยนต์มาเพื่อจำหน่ายหันมาเลือกใช้วิธีการซื้อรถยนต์จากกลุ่มผู้ประกอบการที่นำเข้ารถมาเพื่อการขายส่ง ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย เพื่อลดขั้นตอนการตรวจสอบตรงนี้ และยังสามารถเลือกซื้อรถยนต์จากผู้ประกอบการที่ให้เงื่อนไขได้ดีที่สุดด้วย



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 17 ก.ค. 2557 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc