จำนวนผู้เข้าชม : 298 ครั้ง
End Page
 
 
สั่งแบงก์กันสำรองหนี้รถ ธนาคารไม่ยึดกลัวขายขาดทุน/สินเชื่อในระบบชะลอ

ธปท.สั่งแบงก์กันสำรองหนี้เสียเช่าซื้อแยกประเภทป้องกันความเสี่ยงระหว่าง "รถยนต์ป้ายแดงและมือสอง หรือยี่ห้อยอดนิยม" เผยหนี้เสียเพิ่มไม่มาก สินเชื่อรถยนต์ในระบบชะลอลง ขณะที่ผู้ซื้อรถคันแรกยังผ่อนค่างวดได้

นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (ลีสซิ่ง) โดยยอมรับว่า ในปัจจุบันมีการชะลอลงบ้าง แต่ไม่ได้หดตัวมากถึงขั้นกระทบฐานะหรือผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อหลายประเภท อีกทั้งยังมีกลยุทธ์ในการหาลูกค้าสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่ได้ทำให้สินเชื่อโดยรวมหดตัวรุนแรง

"การเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล (NPL)สินเชื่อรถยนต์ไม่น่าจะเพิ่มมากแล้ว โดยมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อว่าในระยะต่อไปสินเชื่อในกลุ่มสินเชื่อเพื่อการบริโภคน่าจะทยอยดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มปรับดีขึ้นได้ ส่วนการดูแลความเสี่ยงของสินเชื่อประเภทนี้ ธปท. ใช้วิธีให้แบงก์กันสำรองหนี้เสียสูงขึ้นตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดำเนินการได้ดี" นายรณดลกล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ติดตามในช่วงที่ผ่านมาสินเชื่อลีสซิ่งไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อรถยนต์คันแรกตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งผู้ซื้อสามารถนำเงินที่ได้รับคืนจากรัฐมาผ่อนชำระค่างวดได้ จึงไม่ค่อยมีใครทิ้งให้รถยนต์ถูกยึด รวมถึงธนาคารที่ปล่อยกู้เองไม่ต้องการยึดรถยนต์ เพราะหากยึดรถยนต์มือสองมาขายในช่วงนี้อาจจะมีการขาดทุนมากขึ้น เนื่องจากรถยนต์มือสองราคาตก ยกเว้นในรายที่ลูกค้าไม่ไหวจริงๆค่อยยึดรถ

สำหรับการกันสำรองหนี้เสียของสินเชื่อรถยนต์นั้น ธปท.จะให้กันตามความเสี่ยง โดยให้กันสำรองหนี้เสียแตกต่างกันระหว่างรถยนต์ป้ายแดงและรถยนต์มือสอง เช่น รถยนต์ที่ได้รับความนิยมในตลาด ยกตัวอย่าง รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าหรือโตโยต้า ซึ่งเป็นเจ้าตลาดนั้น ราคาขายในตลาดมือสองอาจจะเปลี่ยนแปลงน้อย เมื่อขายทอดตลาดราคาไม่ตกลงมาก อาจจะกันสำรองหนี้ไม่สูง แต่หากเป็นรถยนต์ที่ไม่ใช่เจ้าตลาดได้รับความนิยมไม่สูง เช่น ยี่ห้อมาสด้า ซึ่งเมื่อยึดรถยนต์มาแล้วอาจจะขายทอดตลาดราคาลดลงมากก็จะให้กันสำรองหนี้เสียมากกว่า เพราะมีความเสี่ยงสูงกว่า เป็นต้น

โดยเฉพาะหลักกันสำรองต้องให้กันสำรองเผื่อไว้ครึ่งหนึ่งหรือ 50% เช่น หากราคาขายของรถยนต์ถ้าขายได้ราคา 50% ก็จะให้กันสำรอง 50% แต่ถ้าขายได้ 40% ก็จะให้กันสำรอง 60% เป็นต้นนอกจากนี้ ในการกันสำรองหนี้เสียตามความเสี่ยงยังต้องแยกตามประเภทรถในแต่ละแหล่งด้วย เช่น รถใหม่มือหนึ่งในกรุงเทพฯ รถใหม่มือหนึ่งในต่างจังหวัด รถมือสองในกรุงเทพฯ และรถใหม่มือสองในต่างจังหวัด ต้องแยกตามความเสี่ยง เพราะแต่ละตลาดและลูกค้าในแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกัน จึงต้องพิจารณาความเสี่ยงที่ต่างกันด้วย

สำหรับข้อมูล ธปท.ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ พบว่า ทั้งระบบธนาคารพาณิชย์มียอดสินเชื่อคงค้างแยกตามประเภทธุรกิจ 12.45 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 12.42 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ หรือเช่ารถยนต์ และจักรยานยนต์ในไตรมาส 2 นี้ 8.83 แสนล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกที่มี 8.9 แสนล้านบาท ขณะนี้เอ็นพีแอลสินเชื่อรวมในระบบอยู่ที่ 2.3% ของสินเชื่อรวมคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ส่วนเอ็นพีแอลของสินเชื่อรถยนต์ทั้งระบบหดตัว 1.2% ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.5%



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 29 ก.ย. 2557 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc