หลังจากการเปิดอาคารเพิ่มทรัพย์ในวันนี้จะทำให้ตลาดพูนทรัพย์ก้าวสู่ความเป็น “ออโต้ทาวน์” ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าจะมีจำนวนร้านค้าและจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% ในปี 2558 และจะทำให้พื้นที่ตลาดกลางแจ้งเดิมของร้านค้าที่ย้ายขึ้นมาบนอาคารนั้นว่างลง และทางบริษัทฯจะนำพื้นที่นั้นมาพัฒนาเป็นโครงการในเฟสที่ 2 ต่อไป ซึ่งจะเป็นการขยายพื้นที่จากแนวราบเดิมที่บริษัทฯ มีอยู่ 25 ไร่ เปลี่ยนมาเป็นการขยายพื้นที่ในแนวสูงแทน และจะมีการจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับใช้จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อซื้อและผู้ขายนำสินค้าที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์มาจัดแสดงได้ด้วย โดยบริษัทฯจะใช้เงินลงทุนสำหรับเฟสที่ 2 นี้จำนวนประมาณ 500 ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในเฟสที่ 3 นั้นกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาตัดสินใจในรายละเอียด ซึ่งทางบริษัทฯได้เตรียมงบประมาณไว้ที่ประมาณ 400 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนเพื่อรองรับ AEC อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้เพราะ “พูนทรัพย์ออโต้ทาวน์” มีการส่งออกสินค้าอะไหล่ยนต์ออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยการปรับเปลี่ยนมาเป็น “พูนทรัพย์ออโต้ทาวน์” โดยการเปิดอาคารเพิ่มทรัพย์ในเฟส 1 นี้จะทำให้บริษัท พี.วี. พูนทรัพย์ มีพื้นที่ในการให้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 หมื่นตารางเมตร สามารถรองรับผู้เช่าได้มากกว่า 2,500 ราย จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 1,600 – 1,700 ราย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 4,000 คันต่อวัน หรือ 120,000 คันต่อเดือน และรถมอเตอร์ไซค์เฉลี่ยมากกว่า 1,000 คันต่อวันหรือ 40,000 คันต่อเดือน หรือหากคิดเป็นจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ 1 คันต่อ 2 คนนั้นจะเท่ากับมีผู้เข้ามาใช้บริการอยู่ที่ประมาณ 300,000 คนต่อเดือน ซึ่งประเมินว่าแต่ละคนจะมีการจับจ่ายเฉลี่ยคนละ 500 บาท ดังนั้นจะทำให้มีเงินสะพัดภายในโครงการฯถึง 1,800 ล้านบาทต่อปี และเมื่อนำมารวมกับตัวเลขมูลค่าการส่งออกไปยังต่างประเทศของร้านค้าภายในโครงการฯ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาทต่อปีแล้ว จะทำให้ตัวเลขทั้งหมดของธุรกิจที่เกิดขึ้นภายใน “พูนทรัพย์ออโต้ทาวน์” เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,200 ล้านบาทต่อปี