นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากยอดขายรวมทั้งสิ้น 4 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 251,845 คัน ลดลงจากปีก่อน 15.3% ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มองว่า ยอดขายภายในประเทศทั้งปี 2558 จะอยู่ 8.5-9 แสนคันได้ แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 9.5 แสนคัน อย่างไรก็ตามครึ่งปีหลังมองว่ายอดขายรถยนต์ภายในประเทศได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกมาจากการอัดฉีดงบลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆรวมทั้งยัง ได้แรงกระตุ้นจากการออกขายรถกระบะรุ่นใหม่และภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งหากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพิ่มสัดส่วนค้ำประกันเงินกู้เป็น 30% ตามมติ ครม.จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขยายการลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ตลาดรถยนต์ภายในประเทศขยายตัวดีขึ้นไปด้วย
"ปัจจัยที่ฉุดให้ยอดขายภายในประเทศลดลงมากมาจากสถาบันการเงินอนุมัติสินเชื่อซื้อรถยนต์ลดลง โดยเฉพาะในส่วนของลิสซิ่ง ที่ปฏิเสธสินเชื่อถึง 30-40% จากปกติที่ปฏิเสธไม่เกิน 10% แต่ทั้งนี้ก็ยังดีกว่าในช่วงวิกฤตปี 2540 ที่ต้องใช้เงินสดในการซื้อรถยนต์ ซึ่งอยากให้สถาบันการเงินช่วยผ่อนคลายปล่อยกู้ในส่วนนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายภายในประเทศได้มาก" นายสุรพงษ์กล่าว
สำหรับการส่งออกช่วง 4 เดือนโตขึ้นถึง 13% ซึ่งหากคงอัตราการเติบโตเช่นนี้จะทำให้ยอดส่งออกสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 1.2 ล้านคัน อย่างแน่นอน ช่วยพยุงยอดขายรวมทั้งหมดไม่ให้ลดต่ำจากเป้าหมายลงมากนั้น โดยคาดว่าในปี 2558 ยอดขายรวมจะอยู่ที่ 2 ล้านคันต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2.13 ล้านคัน แต่สูงกว่ายอดขายรวมในปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 1.8 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลสรุปรายงานจากค่ายรถยนต์ต่างๆ ก่อน คาดว่าหลังสิ้นสุดไตรมาส 2 แล้ว จะมีการปรับเป้าหมายอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่ายอดขายภายในประเทศและต่างประเทศจะอยู่ที่เท่าไร อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายรถยนต์รวมทั้งปีจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แต่คาดว่าไม่กระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์จนทำให้ปลดคนงานเพราะว่ายอดการผลิต รวมยังสูงกว่าปีที่ผ่านมากกว่า 2 แสนคัน