จำนวนผู้เข้าชม : 218 ครั้ง
End Page
 
 
HIGHLIGHT รถตลาดใหม่ในงาน มอเตอร์โชว์ 2020

TOYOTA COROLLA CROSS

All New Toyota Corolla Cross รถยนต์อเนกประสงค์ SUV รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย Toyota ที่เปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย ซึ่งใช้แพล็ตฟอร์มร่วมกับรุ่นยอดนิยม Corolla Altis Sedan มาพร้อมคอนเซ็ปต์ A New Journey…ให้ชีวิตเดินทาง ที่มีการออกแบบภายนอกให้ดูโฉบเฉี่ยว, ปราดเปรียว และแข็งแกร่ง ภายในห้องโดยสารกับที่สุดแห่งความกว้างขวางสะดวกสบายพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย รวมทั้งมอบความเงียบภายในห้องโดยสารอย่างยอดเยี่ยม

โดยเครื่องยนต์มีตัวเลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิดที่ 177 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-I รองรับน้ำมัน E85 และขุมกำลังเบนซิน 1.8 ลิตร ไฮบริดล่าสุดเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ให้พละกำลังรวมทั้งจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า สูงสุด 122 แรงม้า จับคู่กับ E-CVT รองรับน้ำมันสูงสุด E20

พร้อมอัดแน่นด้วยออฟชั่นอำนวยความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัย แบบครบครัน โดยมีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้นที่ 989,000 – 1,199,000 บาทบาท (สำหรับรุ่น 1.8 เบนซิน ราคาพิเศษ 959,000 บาท ณ วันเปิดตัว – 30 กันยายน 2563 มีจำนวนจำกัด)




HONDA CR-V

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวีไอคอนของ Honda CR-V ใหม่ ในไทยเป็นประเทศแรกของภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ตอกย้ำความสปอร์ตหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ พรีเมียมยิ่งขึ้นด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามาและไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential เสริมอารมณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและไฟท้ายรมดำ โดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว

เสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ Honda CONNECT

ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายล้ำสมัยระดับพรีเมียม ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานทั้งแบบ 7 ที่นั่งและ 5 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังการขับเคลื่อนทั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC มาพร้อมสีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก ในราคา 1,369,000 - 1,759,000 บาท




MITSUBISHI PAJERO SPORT ELITE EDITION

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอรถไฮไลท์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ที่มาพร้อมความหรูหรา พรีเมียม และสไตล์ที่เหนือระดับสะท้อนความสำเร็จที่แตกต่างในแบบฉบับที่เป็นคุณ

New Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอก ภายในห้องโดยสารยังได้รับการปรับปรุงให้มีความหรูหรามากขึ้น ครบครันเหนือระดับทั้งในด้านความปลอดภัย สมรรถนะ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สะท้อนถึงความสำเร็จอีกขั้นของผู้ขับขี่ ตอบโจทย์ลูกค้าผู้ที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์ที่หรูหรา มีสมรรถนะสูง ครบครันด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทันสมัย พร้อมลุยทุกอุปสรรคและรองรับทุกการใช้งาน

สีตัวถังทั้ง 2 สีมาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมาตรฐาน ได้แก่ กระจังหน้ารถสีดำตกแต่งด้วยโลโก้ ‘PAJERO SPORT’ บนฝากระโปรงหน้า และโลโก้ ‘ELITE EDITION’ ที่ฝาประตูท้าย พร้อมปลายท่อไอเสียสเตนเลส ทั้งนี้ยังติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งสีดำทั้งหมด ได้แก่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า-หลัง ราวหลังคา สปอยเลอร์หลัง และ เสาอากาศแบบครีบฉลาม

ภายในห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีลีท เอดิชั่น ใหม่ ยกระดับความหรูหรา และความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งสีน้ำตาล ‘QUOLE MODURE’ ที่มีคุณสมบัติพิเศษช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงแดดเพื่อความสบายตลอดการเดินทาง New Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition ยังตกแต่งพิเศษด้วยแผงข้างประตู และคอนโซลกลางบุด้วยวัสดุนุ่มสีน้ำตาล พร้อมสัญลักษณ์ ‘PAJERO SPORT’ เหนือกล่องเก็บของด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร ฝาครอบสเตนเลสพร้อมไฟ LED พรมห้องโดยสารปักโลโก้ ‘PAJERO SPORT’ และกล้องบันทึกภาพหน้ารถ DVR (Digital VDO Recorder) New Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้วที่ง่ายต่อการอ่าน รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน SDA (Smartphone-link Display Audio) และ Apple CarPlay* ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และสามารถสั่งงานด้วยเสียง

ผู้โดยสารตอนหลังสามารถเพลิดเพลินกับระบบความบันเทิงตลอดการเดินทางด้วยจอภาพขนาด 12.1 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานรถ พร้อมรีโมทคอนโทรล รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และสมาร์ทโฟนผ่าน HDMI New Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition มาพร้อมกับฟังก์ชั่นยอดนิยมอย่าง ระบบเปิด-ปิดประตูท้ายด้วยไฟฟ้า ที่สามารถสั่งการด้วยระบบแฮนด์ฟรี ผ่านระบบมิตซูบิชิ รีโมท คอนโทรล ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานมากมาย

New Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันและแบบปกป้องมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถอเนกประสงค์ในระดับเดียวกัน ประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) อุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้งติดตั้งถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งพร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

New Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้แก่ รุ่น 2.4 GT-PREMIUM 2WD ELITE EDITION และ รุ่น 2.4 GT- PREMIUM 4WD ELITE EDITION ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC VG Turbo Clean-Diesel ความจุ 2.4 ลิตร รองรับการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 20 ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเพื่อการขับเคลื่อนอย่างเต็มสมรรถนะและความประหยัด

New Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,524,000 บาท สำหรับรุ่น 2.4 GT- PREMIUM 2WD ELITE EDITION และ 1,629,000 บาทสำหรับรุ่น 2.4 GT- PREMIUM 4WD ELITE EDITION




NISSAN KICKS e-POWER

 

นิสสัน ประเทศไทย นำรถยนต์หลากหลายรุ่น รวมถึง Nissan Kicks e-Power ใหม่ รถยนต์คอมแพ็กต์ เอสยูวี ร่วมจัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นเเนล มอเตอร์โชว์ 2020 ครั้งที่ 41 ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัส และทดลองขับได้ในงาน โดย Nissan Kicks e-Power ใหม่ มอบสมรรถนะการขับขี่แบบเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า เหมาะสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ระบบการขับขี่อัจฉริยะ และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยขั้นสูง ในราคาที่คุ้มค่า

เทคโนโลยี e-Power ใน Nissan Kicks ใหม่ ประกอบไปด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทีผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร 12 วาล์ว 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) ระบบอี-พาวเวอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 95 กิโลวัตต์ (129 พีเอส) มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ที่มี 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้ทำให้ Nissan Kicks e-Power ใหม่ มอบอัตราเร่งที่ราบรื่น ให้การขับขี่ที่เงียบ มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์การขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า

Nissan Kicks e-Power ใหม่ มี 4 รุ่นย่อย พร้อมราคาจำหน่าย รุ่น S 889,000 บาท ,รุ่น E 949,000 บาท ,รุ่น V 999,000 บาท ,รุ่น VL 1,049,000 บาท




SUZUKI XL7


All New Suzuki XL7 ถึงแม้จะได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Ertiga แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยมีให้เลือกเพียงรุ่นย่อยเดียวเท่านั้น ภายนอกถูกติดตั้งไฟหน้า LED แบบมีสวิตช์ปรับระดับสูง-ต่ำภายในรถ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เสริมความสมบุกสมบันด้วยแผงใต้กันชนสีเงิน ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/60 R16 และมีความสูงจากพื้นถนนอยู่ที่ 200 มิลลิเมตร

ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งด้วยสีดำล้วน พร้อมเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง หุ้มด้วยวัสดุผ้าสลับหนัง, พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำเท่านั้น, หน้าจอ MID ที่สามารถแสดงข้อมูล G-Force ได้, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้วขนาดใหญ่ที่ลอยตัวขึ้นเหนือแผงคอนโซล รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัยและลำโพง 6 ตำแหน่ง

เครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร ผลิตกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดที่มีการปรับตั้งประสิทธิภาพเครื่องยนต์และอัตราทดเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่อย่างลงตัว ผสานกับแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูซูกิ ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว สนุกสนาน ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น เปิดราคาได้อย่างเร้าใจด้วยราคา 779,000 บาท





MAZDA CX-3

New Mazda CX-3 ดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยมอุปกรณ์ภายนอกของ Mazda CX-3 2020 ใหม่ ประกอบด้วย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันและไฟตัดหมอก LED, ไฟท้าย LED, หลังคาซันรูฟไฟฟ้า, กุญแจ Smart Keyless Entry และล้ออัลลอยที่มีให้เลือกทั้งหมด 16 และ 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa ฝั่งผู้ขับปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมเมมโมรี่, หน้าจอสัมผัส Center Display ขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และระบบนำทางในตัว, กล้องมองภาพ 360 องศา พร้อมเซ็นเซอร์กะระยะหน้า-หลัง และระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ MRCC เป็นต้น ระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (SCBS), ถุงลมนิรภัยและม่านนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง

พร้อมสมรรถนะการขับขี่เหนือชั้น ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร 156 แรงม้า 204 นิวตันเมตร รองรับน้ำมันได้สูงสุด E85 เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (เลิกเครื่องยนต์ดีเซล) พร้อม Manual Modeและ Mazda Connect เชื่อมต่อโลกโซเชียล ไม่พลาดทุกการติดต่อ และเหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ให้คุณมั่นใจได้ทุกเส้นทาง และตอบรับกับการก้าวสู่อีกระดับของการใช้ชีวิตในแบบที่เป็นคุณ ราคาอย่างเป็นทางการราคาเริ่มต้นที่ 768,000 - 1,048,000 บาท (ยกเลิกการทำตลาดรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล)




MG ZS

การปรับโฉมที่เฉียบคมและโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิมของ MG ZS ทำให้เพิ่มเติมความน่าสนใจและความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของมากขึ้น โดดเด่นด้วยสไตล์ความเป็นสปอร์ตและรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และการออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี เพิ่มความสมาร์ทด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด–ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

 

NEW MG ZS ได้รับการออกแบบภายในอย่างพิถีพิถันด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทน และการใช้วัสดุ SOFT TOUCH ในการตกแต่ง โดดเด่นขึ้นอีกขั้นด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นและหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ (Digital Multi-Function Display)  และหน้าจอ touch screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และยังคงสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)

 

NEW MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด และสามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตที่จะให้ความเร้าใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ EURO TUNING SUSPENSION ที่ให้การทรงตัวอย่างดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่จะทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น

 

มีให้เลือก 3 รุ่น NEW MG ZS รุ่น C+  ราคา 689,000 บาท NEW MG ZS รุ่น D+  ราคา 739,000บาท และ NEW MG ZS รุ่น X+ ราคา 799,000บาท

MG ZS

การปรับโฉมที่เฉียบคมและโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิมของ MG ZS ทำให้เพิ่มเติมความน่าสนใจและความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของมากขึ้น โดดเด่นด้วยสไตล์ความเป็นสปอร์ตและรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และการออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี เพิ่มความสมาร์ทด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด–ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

NEW MG ZS ได้รับการออกแบบภายในอย่างพิถีพิถันด้วยห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทน และการใช้วัสดุ SOFT TOUCH ในการตกแต่ง โดดเด่นขึ้นอีกขั้นด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นและหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ (Digital Multi-Function Display)  และหน้าจอ touch screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และยังคงสุนทรียภาพในการขับขี่ด้วยหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)

NEW MG ZS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด และสามารถปรับโหมดพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตที่จะให้ความเร้าใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ EURO TUNING SUSPENSION ที่ให้การทรงตัวอย่างดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่จะทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น

มีให้เลือก 3 รุ่น NEW MG ZS รุ่น C+  ราคา 689,000 บาท NEW MG ZS รุ่น D+  ราคา 739,000บาท และ NEW MG ZS รุ่น X+ ราคา 799,000บาท



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : www.rodweekly.com  
 ผู้บันทึก : www.rodweekly.com
date : [ 17 ก.ค. 2563 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc