Barbara Frenkel สมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้กำกับดูแลส่วนงานจัดซื้อและจัดจ้างของPorsche AG กล่าวว่า “ปอร์เช่ได้เริ่มดำเนินการกิจกรรมที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมมาเป็นระยะเวลายาวนานนับตั้งแต่เปิดโรงงาน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านองค์ประกอบสำคัญต่างๆ อาทิ ห่วงโซ่อุปทานและการปรับปรุงวัตถุดิบสำหรับการผลิต เราต้องการรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นจากการปรับปรุงสายพันธุ์ยางพาราในประเทศอินโดนีเซียรวมถึงต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านการดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ในภูมิภาคนั้นเกษตรกรรายย่อยคือหัวใจแห่งความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานสำหรับยางพาราธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราให้การสนับสนุนพวกเขาเพื่อให้ได้รับมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาสังคมรอบข้างไปพร้อมๆ กัน”
ประเทศอินโดนีเซีย คือหนึ่งในภูมิภาคที่สำคัญที่สุดต่อการผลิตยางพารา โดยพื้นที่เพาะปลูกต้นยางในจังหวัด Jambiอยู่ในเขตชนบทห่างไกล ปอร์เช่ และมิชลินเล็งเห็นถึงความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานยางพารา จึงเน้นการพัฒนาโครงการดังกล่าวเป็นพิเศษ รวมถึงยังมีการร่วมมือกับหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดยางพาราของภูมิภาคอีกด้วย ยางพาราถูกใช้เป็นวัตถุดิบในหลายอุตสาหกรรมการผลิต ในฐานะของผู้ผลิตรถยนต์ปอร์เช่มีส่วนในการใช้ยางพาราผ่านยางรถยนต์ รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ต่างๆ
Hélène Paul รองประธานอาวุโสและChief Procurement Officer ของมิชลิน กล่าวว่า“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จับมือเป็นพันธมิตรในธุรกิจยางรถยนต์ร่วมกับปอร์เช่มาเป็นระยะเวลาเกือบ20 ปี เรามีความสุขในการดำเนินการในโครงการที่มีความหมายเช่นนี้ซึ่งปัจจุบันได้กำลังขยายความร่วมมือดังกล่าวไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับโครงการ CASCADE นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างของพันธกิจจากมิชลินสำหรับการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานยางพาราธรรมชาติอย่างยั่งยืน พร้อมรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงยกระดับอาชีพของเกษตรกร”
โครงการ CASCADEเป็นหนึ่งในโครงการแรกๆ ของโลก ในการริเริ่มพัฒนาห่วงโซ่อุปทานยางพาราในระดับท้องถิ่น ซึ่งจะดำเนินการอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรรายย่อยกว่า1,000 ราย เพื่อสร้างเสริมกระบวนการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพ และยังคงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและครอบครัวของพวกเขาในอนาคตโดยปอร์เช่และมิชลินได้สนับสนุนงบประมาณกว่า1 ล้านยูโรให้กับโครงการดังกล่าว ที่จะดำเนินการไปจนถึงปี 2024