มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ความสำเร็จของเราในไตรมาสที่ผ่านมายังคงสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจของลูกค้าชาวไทยทั่วประเทศที่มีต่อแบรนด์ของเรา ซึ่งเป็นผลจากความมุ่งมั่นที่เรามีให้กับตลาดในประเทศไทยมาโดยตลอด ภารกิจหลักของเราคือการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างเช่นที่ทำมา และเราก็มีความภาคภูมิใจในคุณภาพและการบริการ ซึ่งมอบความสุขบนทุกเส้นทางให้กับลูกค้าของเรามาโดยตลอด ด้วยการสรรค์สร้างประสบการณ์การขับขี่ระดับโลก นอกจากนั้น เรายังได้นำโซลูชันต่างๆ มาใช้เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ในขณะที่ยังสามารถตอบสนองต่อมาตรฐานและความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้าไปพร้อมกัน ผลลัพธ์เหล่านี้ตอกย้ำให้เห็นอีกครั้งถึงความสามารถของเราในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และนำพาเรามาอยู่ในจุดที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะสร้างสีสันต่อไปในช่วงที่เหลือของปี 2564”
ในด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถสร้างสถิติใหม่ด้วยยอดการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รวมกว่า 200,000 คันจากการดำเนินงานกว่า 21 ปี ขณะที่ยอดการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในปี 2564 ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 10.4%โดยหลังจากที่บรรลุเป้าหมายในการผลิตรถยนต์ 100,000 คันในปี 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังคงเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องและสามารถทำยอดการผลิตรวมให้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับตัวและความมุ่งมั่นในการพัฒนา ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและโมเมนตัมที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในประเทศไทย ด้วยศักยภาพการผลิตที่โดดเด่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ในขณะที่ประเทศไทยค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยได้เร่งดำเนินงานด้านบริการเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าและพนักงานทุกคน ด้วยมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม โดยปัจจุบันนี้ มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรวม 8 รายที่ได้ผ่านการรับรองอย่างเต็มรูปแบบภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Safety and Health Administration (SHA))ที่เข้มงวดและยังมีอีก 4 รายที่อยู่ในระหว่างการประเมินดังกล่าว
นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังพร้อมเดินหน้าฉลองครบรอบ 20 ปีด้วยแคมเปญพิเศษแห่งปีสำหรับทุกแบรนด์ในเครือบีเอ็มดับเบิลยู นำเสนอรางวัลที่น่าตื่นเต้นและข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อรถยนต์ภายใต้สัญญา BMW Financial Services ในปีที่ 20 ซึ่งเป็นก้าวย่างที่สำคัญนี้ BMW Financial Services จัดกิจกรรมชิงรางวัลใหญ่ ซึ่งผู้โชคดีจะได้มีโอกาสสัมผัสกับสุดยอดประสบการณ์ในทุกๆ เดือนกับบีเอ็มดับเบิลยูมินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดพร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่จากทั้งสามแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู 2 Series Gran Coupe และ MINI Cooper SE รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูC 400 GT
ข้อเสนอที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้จะเพิ่มอัตราการเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปประเทศไทย ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ปิดฉากความสำเร็จอย่างท่วมท้นจากงาน BMW Xpo 2021 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7-10 ตุลาคมที่ผ่านมาทั้งนี้ ลูกค้ายังสามารถเพลิดเพลินกับข้อเสนอจากงาน BMW Xpo ทั้งอัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษและโปรแกรมการบำรุงรักษา BSI ที่ยกระดับให้เป็นพิเศษถึง 10 ปี หรือ 100,000 กม. สำหรับBMW X1 และอื่นๆ อีกมากมายตลอดเดือนตุลาคมนี้
มร. บารากากล่าวเสริมว่า “แนวคิด The Power of Choice ยังคงเป็นรากฐานสำคัญสำหรับกลยุทธ์ของเรา และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเรายังคงมอบโอกาสพิเศษสุดมากมายให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถยนต์ในฝันนอกจากนี้บีเอ็มดับเบิลยูยังเข้าสู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า ด้วยบีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู iX3 รถยนต์ SAV พลังงานไฟฟ้า100% รุ่นแรกที่จะสร้างนิยามใหม่ของประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตของตลาดยานยนต์ในไทยบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport จะมาถึงประเทศไทยเป็นครั้งแรกในไตรมาสที่ 4 นี้ พร้อมนำความสุขในการขับขี่ ความปราดเปรียวแบบสปอร์ต และการออกแบบที่ล้ำสมัยโดยไม่ปล่อยมลพิษได้สูงสุด 630 กิโลเมตรตามมาตรฐานWLTPในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport รุ่นใหม่ ยังผสานสองสิ่งที่ดีที่สุดคือพลังแห่งการขับขี่และคุณภาพระดับพรีเมียมในแบบฉบับของบีเอ็มดับเบิลยู X3 และประสิทธิภาพของเทคโนโลยีeDrive เจนเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งมีระยะทางขับขี่ได้สูงสุด 460 กิโลเมตรตามมาตรฐานWLTPเรายังคงมีไฮไลท์ความตื่นเต้นใหม่ๆ ที่จะมาพร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษที่มากขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน ในงาน BMW Premium Selection Festival ก่อนที่จะปิดท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุดในงาน Motor Expo”